
เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2564 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวเสวนา ในหัวข้อ “ระบอบประยุทธ์ ทหารทุน วงจรอุบาทว์การเมืองไทย” ตอนหนึ่งว่า กว่า 7 ปีผ่านไป มันได้เกิดระบอบประยุทธ์ขึ้นแล้ว ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้เปลี่ยนแปลงสังคมไทยอย่างสิ้นเชิง อีกทั้งมีการสร้างระบอบอาณาธิปไตยโดยชนชั้นนำที่อยู่บนยอดพีระมิดบนสังคม ซึ่งการไล่ พล.อ.ประยุทธ์ คนเดียวเรื่องก็ยังไม่จบ เพราะยังมีพลเอกคนอื่น คนมาใช้อำนาจโดยรักษาเครือข่ายอำนาจประยุทธ์ต่อไป
นอกจากนี้ การรัฐประหารที่เกิดขึ้นมักจะเกิดขึ้นในประเทศที่ด้อยพัฒนาเท่านั้น เช่น บูร์กิน่าฟาโซ มาลี ซูดาน อียิปต์ ในส่วนของประเทศไทยเราทำรัฐประหารถึง 2 ครั้งในรอบ 10 ปี โดยจากการวิจัยในยุคปัจจุบันสิ้นสุดสงครามเย็น ไม่มีประเทศไหนที่ทำรัฐประหารแล้วประเทศเจริญได้ อีกทั้งการรัฐประหารในประวัติศาสตร์ไทย เหตุผลเบื้องหลังที่สำคัญที่สุดคือ เพื่อให้นายพลกลุ่มหนึ่งเข้ามาจัดระเบียบอำนาจการเมือง และผลประโยชน์ในทางเศรษฐกิจใหม่ ในแบบที่ให้ประโยชน์กับตัวเองและชนชั้นนำให้มากที่สุด ซึ่งวิธีการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดการรัฐประหารอีกต่อไปคือ 1.ศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรต่างๆต้องไม่รับรองให้การรัฐประหารมีให้มีความชอบธรรม 2.การรัฐประหารต้องเป็นความผิดที่ไม่มีอายุความ ต้องเอาผิดผู้ที่ก่อการรัฐประหารมาลงโทษพิพากษาได้
นายประจักษ์ กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันสภาของไทยเป็นสภาของข้าราชการมากกว่ากลุ่มอาชีพทั่วไป โดยเฉพาะ ส.ว.ชุดปัจจุบัน มาจากแม่น้ำ 5 สาย มาจากเครือข่ายของ คสช.ทั้งสิ้น โดยได้มีการจองตำแหน่งเก้าอี้ ส.ว.ให้กับผู้บัญชาการเหล่าทัพทั้ง 6 ตำแหน่ง เพื่อไม่ให้มีใครมาก่อการรัฐประหารกับตัวเองได้ เพราะทหารอยู่ในระบบแล้ว จึงเรียกได้ว่าเป็นสภาปรสิต นอกจากนี้ ระบอบประยุทธ์ ได้บิดเบือนกลไกประชาธิปไตย ซึ่งกลไกที่ดีทั้งหลายที่ประเทศประชาธิปไตยใช้ทั้งการเลือกตั้ง การทำประชามติ แต่ระบอบประยุทธ์ได้บิดเบือนกลไกเหล่านี้ เพื่อสืบทอดอำนาจของตัวเอง โดยเฉพาะการทำประชามติที่เป็นการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่ได้มีการจับกุมผู้ที่รณรงค์ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ 60 ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าว เป็นการร่างไมใช่ให้สังคมกลับสู่ประชาธิปไตย แต่เป็นการค้ำจุลระบอบประยุทธ์
นอกจากนี้ ยังทำลายประชาธิปไตยให้แคระแกน ออกแบบทำลายพรรคการเมืองให้อ่อนแอ รวมถึงทำลายสิทธิเสรีภาพของประชาชน รวมถึงยังให้ และเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนสามารถใช้ทรัพยากรของประเทศได้อย่างเป็นทางการ
.