ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ผู้สื่อข่างรายงานว่า นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต รมว.ดีอีเอส ได้เข้าสักการะศาลท้าวมหาพรหม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงดีอีเอส ในโอกาสอำลาตำแหน่ง หลังจากถูกศาลอาญาตัดสินจำคุก 7 ปี ความผิดฐานร่วมกันเป็นกบฏ ก่อการร้าย ล้มล้างระบอบการปกครอง มั่วสุมชุมนุมก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง ทำให้ต้องพ้นจากความเป็นรัฐมนตรี โดยมีคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ เข้าร่วมให้กำลังใจจำนวนมาก
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่าที่ผ่านมา ที่ได้ดำรงตำแหน่ง รมว.ดีอีเอส ตนเป็นเพียงฟันเฟืองตัวเดียวเท่านั้นที่คอยสนับสนุน ชี้แนะ อาจจะถูกบ้าง ผิดบ้าง ต้องขออภัย แต่ดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ และเชื่อว่า สิ่งที่ลงมือทำงานทั้งหมดตรงตามคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง หรือทำให้กระทรวงต้องแปดเปื้อนเสียหาย ต่อจากนี้เชื่อว่ากระทรวงจะเข้มแข็ง ด้วยคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัดกระทรวงที่ทำงานกันอย่างหนัก วันนี้ขอบคุณทุกกำลังใจที่มอบให้ ซึ่งสำคัญมาก แม้ในใจหวังว่าจะอยู่ในตำแหน่งถึง 2 ปี แต่มาถึงจุดนี้ได้ถือว่าดีที่สุดในชีวิตแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ นายพุทธิพงษ์ ยืนรับดอกกุหลาบให้กำลังใจจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆในสังกัดกระทรวงฯ เจ้าตัวถึงกับน้ำตาไหลคลอเบ้าตาตลอดเวลา
ขณะที่ เพจเฟซบุ๊ก นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการและอดีตแกนนำ กปปส. ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ใจสู้หรือเปล่า? ผมถามตัวเองตั้งแต่วันแรกที่ตัดสินใจออกมาต่อสู้คัดค้านกฏหมายนิรโทษกรรม คดีจำนำข้าว ต่อต้านรัฐบาลคอรัปชั่นร่วมกับพี่น้องมวลมหาประชาชน จนกระทั่งโดนจับเข้าค่ายทหาร มีโอกาสได้ทำงานที่กระทรวงศึกษา และจนถึงวันที่ต้องเข้าเรือนจำ โดนพิพากษาจำคุก 6 ปี 16 เดือน!!….ผมถามตัวเองเสมอ ว่า “ใจสู้หรือเปล่า” คำตอบ คือ “ไม่มีวันไหนที่ใจไม่สู้เลย”
ตอนอยู่ในเรือนจำ มีช่วงเวลาที่คิดถึงที่มาที่ไปของการที่เราเข้ามาอยู่ที่นี่ ผมเตรียมใจไว้แล้วในฐานะแกนนำ ว่าการต่อสู้ครั้งนั้น อาจจะต้องติดคุกหรือเสียชีวิต สำหรับผม ไม่ได้เสียใจที่ต้องหลุดรัฐมนตรี เพราะตำแหน่งมาแล้วก็ไป มันคือ หัวโขนที่เราสวม ณ เวลานั้น เมื่อถอดออก เรา ก็คือ เรา ยอมรับว่ามี “เสียดาย” บ้างที่นโยบายการศึกษาที่วางไว้ และกำลังเป็นรูปเป็นร่าง ยังทำไม่เสร็จ แต่ก็ถือว่า เป็นบุญของเราแล้ว ที่ได้คิด ได้ทำเพื่อการศึกษาไทยมาตั้ง 1 ปี 6 เดือน ต่อจากนี้คงใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ทำงานที่เรารัก ทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติในรูปแบบอื่นตามกำลังที่เรามี
พายุครั้งนี้ ถือ ว่า หนักครับ แต่ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจ มีศรัทธาในสิ่งที่เราทำ ผมคิดว่า เราจะมีแรงเดินต่อเสมอ ผมคนนึงหล่ะที่จะขอใช้พลังของพี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ เป็นกำลังใจ เป็นลมใต้ปีก ให้ผมและอีฟได้ลุกขึ้นมา และยังคงมี “ศรัทธา” ต่อการต่อสู้ของพวกเราไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ขอบคุณเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทุกคน เราคนไทยน่ะครับ ได้กินได้นอนร่วมกัน มื้อเดียววันเดียวก็คุ้นเคยกันได้ นี่เราสู้กันมายาวนาน ไม่รักกันตลอดชีวิตได้ไง#สู้ด้วยศรัทธา #สู้เพื่อความถูกต้อง #สู้ด้วยหัวใจเดียวกัน
.