วันพฤหัสบดี ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2564
หมดท่า! “สุทิน” จี้ “นายกฯ” รับผิดชอบพรรคร่วมรัฐบาล ล้มนโยบายตัวเอง แก้รธน. ผิดหวัง “ภูมิใจไทย” เล่นละครวอร์คเอ้าท์
เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2564 ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) กล่าวถึงการคว่ำโหวตวาระ 3 เมื่อวานนี้ว่า เป็นการเล่นเกมการเมืองของหลายฝ่าย และชี้ให้เห็นแล้วว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ใครของจริงของปลอมโดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่ส่วนตัวรู้สึกสับสน เพราะคาดไม่ถึงว่า จะใช้วิธีการวอร์คเอ้าท์ เพราะฝ่ายค้านยังคาดหวังเสียงจากพรรคภูมิใจไทย ที่ประกาศมาตลอดว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ และคาดว่า จะสามารถพลิกเกมให้ผ่านความเห็นชอบไปได้ แต่เมื่อพรรคภูมิใจไทยใช้วิธีการนี้ก็ยอมรับว่า ผิดหวัง
นายสุทิน กล่าวว่า ยอมรับว่า ฝ่ายค้านไม่ปฏิเสธที่รู้อยู่แล้วว่า เดินหน้าลงมติวาระ3 จะเกิดการคว่ำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 3 ซึ่งสิ่งที่ฝ่ายค้านจับตาเมื่อวานนี้คือ ลุ้นว่าฝ่ายรัฐบาลจะคว่ำในขั้นตอนใด เพราะมี 2 สเต็ป คือ คว่ำก่อนลงมติวาระ3 เพื่อไม่ให้มีการโหวตเลย กับคว่ำตอนโหวตวาระ3 ซึ่งทราบมาว่า การตั้งเป้าจะคว่ำก่อนลงมติอยู่แล้ว โดยอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ฝ่ายค้านเห็นว่า เป็นเรื่องที่ผิดหลักการ จนในที่สุดฝ่ายรัฐบาลเปลี่ยนแผนใช้วิธีการล้มร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยการโหวตวาระ 3 ตามญัตติของฝ่ายค้าน จนทำให้คนสงสัยว่า เหตุใดฝ่ายค้านจึงรับรองญัตติให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และยืนยันว่า ในประเด็นนี้ฝ่ายค้านยืนอยู่จุดนี้มาโดยตลอด เพื่อเดินหน้าลงมติวาระ 3 แต่สุดท้ายฝ่ายรัฐบาล โดยนายไพบูลย์ ใช้วิธีการนี้ในการเดินเกม อย่างไรก็ตามเราจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อไปแน่นอนอีกแน่นอน แต่จะแก้อย่างไรก็ต้องมาทบทวนบทเรียนกันก่อน
นายสุทิน กล่าวด้วยว่า ขอถามถึงความรับผิดชอบไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก่อนที่รัฐบาลจะทำประชามติหลังจากนี้ รัฐบาลควรตอบสังคมให้ได้ว่า นโยบายเร่งด่วนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร และจะรับผิดชอบอย่างไรในสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเรื่องนี้เป็นเงื่อนไขสำคัญในการร่วมรัฐบาล และ มีการแถลงนโยบายนี้ต่อรัฐสภาไว้ชัดเจน แต่พรรคร่วมรัฐบาลกลับมาล้มกันเอง ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องรับผิดชอบ แล้วค่อยเดินหน้าทำประชามติ ซึ่งหลังจากนี้จะเป็นเรื่องของรัฐบาลแล้ว เพราะการทำประชามติตามคำ วินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญต้องเริ่มจากรัฐบาล