สสจ.ลำปาง ยืนยันฉีดวัคซีนโควิดมีอาการข้างเคียงไม่ถึง 40 คน เดินหน้าฉีดต่อ
นพ.ประเสริฐ กิจสุวรรณรัฐ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปาง เปิดเผยกรณีการฉีดวัคซีน COVID-19 และมีบุคลากรการแพทย์แพ้วัคซีนจำนวนมากว่า ในการฉีดวัคซีนโควิดของ จ.ลำปาง ได้เริ่มฉีดตั้งแต่ต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา จำนวน 900 คน เป็นบุคลากรทางการแพทย์ 400 คน และ อสม. 500 คน โดยได้มีการเฝ้าระวังอาการข้างเคียงหรือผลกระทบไม่พึงประสงค์อยู่แล้ว ซึ่งในการฉีดรอบแรกพบอาการข้างเคียงเกือบ 100 คน ส่วนใหญ่จะเป็นอาการบวม ปวดแขน เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย แต่ภายใน 1 วัน อาการก็หายเป็นปกติ
ส่วนกรณีวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้ทำการฉีดรอบที่ 2 จำนวน 600 คน เป็นบุคลากรทางสาธารณสุขและพบว่ามีกลุ่มคนมีอาการข้างเคียงอยู่ประมาณ 10 คน คือ มีอาการชา ใจสั่น ปวดแขน ซึ่งเป็นบุคลากรของโรงพยาบาลลำปางจึงให้หยุดฉีดสังเกตอาการเพื่อตรวจสอบหาความผิดปกติ แต่เมื่อตรวจสอบก็ไม่พบความผิดปกติแต่อย่างใด ส่วนพยาบาล 1 คน ที่อาการเหมือนรุนแรงกว่าคนอื่นซึ่งมีอาการแขนขาอ่อนแรง เวียนศีรษะ อาเจียน ก็ถือว่าเป็นอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์และก็กลับมาหายเป็นปกติแล้ว ขณะที่ทุกคนสามารถปฏิบัติงานได้ตามปกติ กรณีที่บอกว่ามีอาการแพ้รุนแรงมากถึง 40 คน นั้นไม่เป็นความจริง
วันนี้ทางโรงพยาบาลได้ดำเนินการฉีดวัคซีนต่อตามปกติในกลุ่มบุคลากรที่ยังคงเหลืออยู่ จากเมื่อวาน (21 เม.ย.) ซึ่งทาง สสจ.ลำปาง จะได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป
.
“บิ๊กตู่” เผย “ปูติน” ไฟเขียวสนับสนุนวัคซีนโควิด-19 แก่ไทย
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊กเปิดเผยว่า ตามที่ผมได้สั่งการกระทรวงการต่างประเทศ เจรจาหารือกับรัฐบาลรัสเซียโดยตรง เรื่องวัคซีนสปุตนิก ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ เพิ่มมาอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ปัจจุบัน กระทรวงการต่างประเทศได้รับคำตอบจากรัสเซียว่า ประธานาธิบดีรัสเซีย ยินดีให้การสนับสนุนรัฐบาลไทยในเรื่องดังกล่าว เนื่องด้วยไทยและรัสเซียมีความสัมพันธ์ที่ดีมาอย่างยาวนาน และมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องกับรัฐบาลปัจจุบัน
ผมจึงได้สั่งการให้กระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการต่อไปให้เป็นรูปธรรม และได้รับทราบว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ดำเนินการ ตามสั่งการแล้วโดยได้นัดบริษัทตัวแทนสปุตนิคในไทย มาหารืออย่างเร่งด่วนแล้วครับ
มีรายงานว่าสำหรับวัคซีนสปุตนิก ของรัสเซียถือเป็นประเทศแรกในโลกที่ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นวัคซีนโควิด-19 โดยรัสเซียเริ่มประกาศแผนการพัฒนาเมื่อราวเดือน ส.ค.ปี 2020 และเริ่มฉีดให้ประชาชนในเดือน ธ.ค.ปีเดียวกัน
ส่วนการทำงานมีรายงานว่า วัคซีนสปุตนิก จะทำงานคล้ายกับแอสตร้าเซนเนก้า ของอังกฤษ โดยกระบวนการทำงานวัคซีนนี้จะใช้ไวรัสที่อ่อนฤทธิ์แล้ว และไม่เป็นอันตรายต่อคนมาตัดต่อใส่สารพันธุกรรมของเชื้อโควิด แล้วเมื่อฉีดเข้าสู่ร่างกายมันจะกระตุ้นทำให้ระบบภูมิคุ้มกันจดจำเชื้อก่อโรค พร้อมตรวจจับและต่อสู้กับเชื้อ
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้พูดในโปรแกรมคลับเฮ้าส์ โดยช่วงหนึ่งได้กล่าวว่า ตนพร้อมเสนอตัวไปประสานกับ วลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องวัคซีน
แต่หลังจากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ปฏิเสธตอบถึงกรณีดังกล่าวว่า “ผมไม่ตอบ อย่าเอาคำถามคนที่ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมาถามผม ผมไม่รู้จัก ผมไม่รู้เรื่องเขา”
.
กู้ภัยซวย! คนติดโควิด-19 เรียก 1669 ปกปิดข้อมูลหวังได้นอน รพ.
วันนี้ (22 เม.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า เหตุวุ่นวายผู้ป่วยโควิด-19 ปกปิดข้อมูลเกิดขึ้นเมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งที่ชื่อว่า “พลสิทธิ์ เลิศนภาพงศ์ โต้งเมฆา” อาสากู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ฐานโลตัสพระราม 3 ออกมาโพสต์ข้อความแสดงความไม่พอใจที่ผู้ป่วยโควิด-19 รายหนึ่ง ปกปิดข้อมูล พร้อมกับเรียกร้องให้บอกความจริง อย่าปกปิด เพราะอาสามูลนิธิ บุคลากรทางการแพทย์ทำด้วยใจไปด้วยความที่อยากช่วยเหลือจริงๆ แต่ผลที่ได้รับ เพราะความเห็นแก่ตัวนั้นไม่ถูกต้อง ถ้าบอกความจริงตนและน้องๆ ไม่ต้องมากักตัว เสียเวลาการทำงาน เสียความรู้สึกแบบนี้ ชีวิตใครใครก็รัก ตนเข้าใจแต่อย่าเห็นแก่ตัว
นอกจากนี้ ยังได้โพสต์ข้อความ ระบุว่า เมื่อคืนตอนประมาณ 23.58 น. โทร. ไปจะลงบันทึกประจำวันที่ สน.วัดพระยาไกร ปรากฎว่า ร้อยตำรวจตรีรายหนึ่ง กับร้อยเวร ไม่รับเรื่อง อ้างว่าไม่เคยมีใครแจ้งความลงบันทึกกรณีนี้ ทั้งที่มีข้อกฎหมายที่บุคลากรทางการแพทย์ถูกปกปิดข้อมูล แต่ตำรวจกลับถามว่า มาตราข้อไหน ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้จะมีแต่คนปกปิดข้อมูลเพราะไม่มีความผิด คนรับเคราะห์คือ บุคลากรทางการแพทย์ มีแต่นายสมศักดิ์ ปาลวัฒน์ ผู้จัดการมูลนิธิร่วมกตัญญู เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของมูลนิธิฯ และบรรดาพี่น้องเพื่อนๆ ที่โทรสอบถามและเป็นห่วง ทั้งที่พักอาศัยและการกิน
“ขอให้เคสผมเป็นเคสกรณีตัวอย่าง ซึ่งไม่มีข้อกฏหมายรองรับและช่วยเหลือจากทางกฏหมายเลย” อาสากู้ภัยรายดังกล่าว ระบุ
สำหรับกรณีดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อมีผู้แจ้งเหตุซึ่งเป็นญาติระบุว่า ผู้ป่วยเป็นหญิงรายหนึ่งวัย 86 ปี มีประวัติเป็นโรคความดันโลหิตสูง และโรคเบาหวาน เกิดอาการเจ็บแน่นหน้าอก แต่ยังรู้สึกตัวดี เหตุเกิดที่บ้านหลังหนึ่ง กลางซอยเจริญกรุง 82 ถนนเจริญกรุง แขวงและเขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ อาสากู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู จึงเข้าไปรับผู้ป่วย ปรากฎว่าได้ถามญาติผู้ป่วย พบว่าเมื่อวันจันทร์ที่ 19 เม.ย. ผู้ป่วยรายนี้ได้ไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลธนบุรี ปรากฎว่าผลตรวจออกมาติดโควิด-19 ผู้ป่วยจึงให้พี่สาวที่อยู่บ้านเดียวกับผู้ป่วยโทรศัพท์ไปที่ 1669 เพื่อให้รถมารับ เมื่อถึงโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ญาติเพิ่งบอกอาสากู้ภัยว่า หญิงรายนี้ติดโควิด-19 ทำให้อาสากู้ภัยรายดังกล่าวต้องกักตัว 14 วัน
ขณะที่ศูนย์วิทยุเจริญกรุง ได้แจ้งเตือนไปยังสมาชิก ระบุว่า แจ้งถึงอาสาสมัครออกรับผู้ป่วย ซึ่งขณะนี้มีผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เป็นจำนวนมาก และต้องการที่จะไปทำการรักษาที่โรงพยาบาล แต่การไปโรงพยาบาลต้องมีการเข้าระบบส่วนกลาง ซึ่งจะจัดรถไปรับถึงที่บ้าน แต่มีบุคคลที่ตรวจเชื้อแล้ว ผลออกมาซึ่งติดเชื้อ แต่ไม่อยากรอรถไปรับ ซึ่งอาจจะแจ้งเหตุไปทางมูลนิธิหรือหน่วยงานต่างๆ ขอให้อาสาสมัครออกรับผู้ป่วย และอาจพยายามปกปิดข้อมูลเพื่อที่จะได้ไปรับมารักษาต่อที่โรงพยาบาลได้ จึงขอความกรุณาออกเหตุให้ใช้ความระมัดระวังและปลอดภัยด้วย
.
ชาวเน็ตงง!! ไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิด-19 “มหาสารคาม” เปลี่ยนจากไปบ่อน-เป็นไปขายผลไม้
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่สร้างความงุนงงให้กับชาวเน็ต พร้อมทั้งเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอยู่บนโลกออนไลน์ในขณะนี้ ภายหลังแฟนเพจเฟซบุ๊ก ประชาสัมพันธ์จังหวัดมหาสารคาม ได้ออกมาเผยไทม์ไลน์ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 71 จ.มหาสารคาม และมีการแก้ไขทำให้ไม่ตรง จนสร้างความสับสน พร้อมทั้งเกิดการตั้งข้อสงสัยจากชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก
เนื่องจากการลงครั้งแรก ผู้ป่วยรายที่ 71 พบว่า ได้เดินทางไปเล่นการพนันกับเพื่อนที่ ต.สีแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด โดยรถส่วนตัว แต่กลับมาแก้ไขไทม์ไลน์และโพสต์ชี้แจ้งใหม่อีกครั้ง โดยเปลี่ยนจากการเดินทางไปเล่นการพนัน เป็นการเดินทางไปขายผลไม้ที่ ต.สีแก้ว อ.เมือง จ.ร้อยเอ็ด โดยรถส่วนตัวแทน
ซึ่งสร้างความงุนงงให้กับชาวเน็ต จึงได้เข้ามาแสดงความคิดเห็นสอบถามเป็นจำนวนมาก อาทิ เปลี่ยนจากไปเล่นการพนันทุกวันเป็นขายผลไม้ทุกวัน, ไปเล่นกะตามลาวเถาะแก้เฮ็ดหยังเขาเห็นกันเบิดแล้วบ่ทันแล้ว, แบบนี้ก็ได้หรือค่ะ…ไหนๆก็แก้แล้ว แก้ให้มันหมดเลยซิค่ะ???, ไทม์ไลน์กลายพันธุ์
อย่างไรก็ตาม เพจดังอย่าง อยากดังเดี๋ยวจัดให้ Kim Signature ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงเรื่องดังกล่าว ระบุว่า “มหาสารคามบ้านใครหว่า ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามสงสัยต้องขยันขึ้นมาอีกหน่อย คำถาม?? ไทม์ไลน์ทำไมถึงมีการเปลี่ยนแปลงลบลงใหม่ ทั้งที่ข้อเท็จจริง ไปเล่นการพนันที่บ่อนกันจริง ติดกันจากบ่อนจริง เป็นโควิดก็โควิดจริง แต่มาแก้ไทม์ไลน์ทามมมัยอะ
แอดค่ะ ขอหลังไม งง กับการเเก้ไขทามไลน์ ผู้ป่วยโควิด รายที่ 71 ของ จ.มหาสารคามบ้านเราเองเเอด ทามไลน์ ที่ลงครั้งเเรก ของรายที่ 71 นางไปเล่นการพนันทุกวันค่ะ เล่นเป็นอาชีพ ขนาดเพื่อนในวงติดโควิดนางยังไปเล่นอีก ไม่ได้กลัวเกรง พอนางติดโควิดมีทามไลน์ลงออกสื่อในเพจ จังหวัดได้วันเดียว มีการประกาศทามไลน์ฉบับเเก้ไข เเต่ชาวบ้านเขาไม่ได้โง่ตามหรอก เขาเเค้ปไว้หมดเเล้ว กลัว เเก้ทามไลน์ เพื่อ?? คงกลัวตร., คนใหญ่คนโตในพื้นที่มีปัญหารึไง ?? งง เเบบนี้ ประชาชนจะรู้ได้อย่างไรว่า ใครติดจากไหน สถานที่จริงไม่ลงให้ชัดเจนมีการปกปิด”