นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่า “ผมตั้งคำถามบริษัทแอสตราเซเนกาว่าทำไมไม่ปรับลดโด๊สการฉีดวัคซีนให้เหลือเข็มเดียว สำหรับประเทศที่กำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาในภาวะที่มีวัคซีนไม่เพียงพอ” วัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกาใช้เทคโนโลยีอะดีโนไวรัส เป็นพาหะนำรหัสพันธุกรรม ของไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ร่างกายเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อโปรตีนส่วนที่เป็นหนามของเชื้อไวรัส เหมือนกับเทคโนโลยีวัคซีนของบริษัทจอห์นสันแอนด์จอหน์สัน ประเทศสหรัฐอเมริกา วัคซีนสปุตนิก ของประเทศรัสเซีย และวัคซีนแคนซิโน ของประเทศจีน ที่ให้โด๊สเข็มเดียวจบ ไม่ต้องให้เข็มสองดังที่บริษัทแอสตราเซเนกากำหนดไว้
“ข้อแตกต่างของวัคซีนแอสตราเซเนกาคือใช้อะดีโนไวรัสของลิงชิมแปนซีแทนที่จะใช้อะดิโนไวรัสของคนเหมือนบริษัทอื่น” ประสิทธิภาพของวัคซีนแอสตราเซเนกาหลังฉีดเข็มแรกดีพอๆกับวัคซีนของบริษัทอื่นที่ให้ฉีดเพียงเข็มเดียว มีการศึกษาในคนไทยพบภูมิคุ้มกันขึ้นสูงมากหลังฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาโด๊สแรก 4 สัปดาห์
วัคซีนสปุตนิกของรัสเซียเดิมให้ 2 เข็ม ต่อมาปรับลดลงเหลือ 1 เข็มเพื่อจะได้ฉีดให้คนมากขึ้น เป็นความคิดที่ถูกต้องสำหรับประเทศที่ขาดแคลนวัคซีน ล่าสุดวัคซีนแคนซิโนของจีนประกาศให้เข็มเดียวพอ เหตุผลที่บริษัทแอสตราเซเนกาให้เข็ม 2 เพื่อกระตุ้นให้มีภูมิคุ้มกันนานขึ้น แต่ในภาวะที่มีไวรัสกลายพันธุ์หลายชนิดที่สามารถหลบหลีกภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกาเข็มแรก ยังไงเราต้องให้เข็มถัดไปที่เป็นวัคซีนรุ่นใหม่ที่ทั้งกระตุ้นภูมิคุ้มกัน และสามารถครอบคลุมเชื้อไวรัสสายพันธุ์แอฟริกาใต้ และบราซิลในต้นปีหน้า
ประโยชน์ของการให้วัคซีนแอสตราเซเนกาเข็มเดียวทำให้มีวัคซีนมากขึ้นสามารถฉีดจำนวนคนได้มากขึ้นเท่าตัว เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ หยุดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เร็วขึ้น “ถึงเวลาแล้วที่บริษัทแอสตราเซเนกาน่าจะปรับคำแนะนำให้ประเทศกำลังพัฒนาหรือด้อยพัฒนาลดเหลือ 1 เข็ม เหมือนวัคซีนทุกบริษัทที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกัน”