เมื่อวันที่ 1 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ที่อาคารปานศรี อดีตที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งปัจจุบันเป็นสำนักงานของ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร.ที่ประกาศจะลงสมัครผู้ว่า กทม. ในช่วงบ่าย พล.ต.อ.จักร์ทิพย์ ได้เรียกประชุม ส.ก. 50 คนที่จะลงสมัครในนามกลุ่มพล.ต.อ.จักรทิพย์ โดยพล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ตัดสินใจประกาศที่จะไม่ลงสมัครผู้ว่า กทม. ทำให้ ส.ก.ทั้งหมดต่างตกตะลึงต่อการประกาศดังกล่าว เพราะตลอดสัปดาห์พล.ต.อ.จักรทิพย์ได้ลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอไม่มีทีท่าจะถอดใจ โดยระบุว่า “ผมไม่อยากให้ผู้ใหญ่ที่เคารพต้องลำบากใจ จึงขอยุติการลงสมัครผู้ว่า กทม.”
รายงานข่าวเปิดเผยว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ได้ตัดสินใจที่จะไม่ลงสมัครผู้ว่า กทม. เนื่องจากเกิดปัญหาขัดแย้งในพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคประกาศ ที่จะส่ง ส.ก.ในนามพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงประกาศที่จะสนับสนุนและส่งผู้ว่า กทม. มาก่อนหน้านี้ โดย ร.อ.ธรรมนัสประกาศส่ง ส.ก.ในนามพรรคทั้ง 50 เขต ในขณะที่ในส่วนของพล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็มีคนที่จะลงสมัครแล้วทั้ง 50 เขต เช่นกัน เท่ากับว่าทั้งจะต้องไปแข่งกันเอง
นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เคยปรารภว่า ไม่ต้องการที่จะแข่งกับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่า กทม. เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องที่มีความใกล้ชิดกันตั้งแต่สมัยเป็นข้าราชการตำรวจ อีกทั้งในระยะหลังร.อ.ธรรมนัสก็มีท่าทีหันไปสนับสนุน พล.ต.อ.อัศวิน มากกว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งในการตัดสินใจครั้งนี้ด้วย
“ทั้งนี้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ไม่ได้กลัวแพ้ ไม่ว่าจะเป็นนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่า กทม. ที่ผลโพลมีคะแนนนำ เนื่องจากนายชัชชาติ ยังจะต้องไปแย่งฐานเสียงเดียวกันกับกลุ่มที่เป็นฐานเสียงของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย หรือแม้แต่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล ในขณะที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะแข่งกับ พล.ต.อ.อัศวิน ซึ่งมีฐานเสียงอยู่ในกลุ่มเดียวกันเท่านั้น ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ สาเหตุหลักคือไม่ต้องการให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพต้องลำบากใจ ทั้งนี้ เหตุผลของการตัดสินใจในวันนี้เพราะมีผู้ใหญ่ขอมาให้ถอนตัว และอาจจะให้พล.ต.อ.จักรทิพย์ไปทำงานการเมืองด้านอื่นแทน” แหล่งข่าว ระบุ
