วันนี้ ที่รัฐสภา นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย แถลงถึงการรักษาองค์ประชุมในสภาฯ ว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ต้องขออภัยที่ที่ผ่านมามี ส.ส.ของพรรคติดเชื้อโควิด แต่ขณะนี้ ส.ส.พรรคที่ติดโควิดหายเป็นปกติ และได้กลับมาพร้อมทำหน้าที่ในสภาฯ ทุกคนแล้ว ยืนยันว่าที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยไม่มีส่วนทำให้สภาฯ ล่ม
รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย ยังกล่าวถึงกรณีที่ น.ส.วทันยา วงษ์โอภาสี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ที่ออกมาพาดพิงถึง 7 รัฐมนตรีพรรคภูมิใจไทย ให้พิจารณาตนเองควรร่วมรัฐบาลหรือไม่ หลังบอยคอตประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา เพื่อคัดค้านการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า คนที่ได้รับเรียกว่ามาดาม ถือเป็นคนที่ประชาชนให้เกียรติ ก็ต้องรู้จักให้เกียรติตัวเองด้วย ตนขอเตือนสติในฐานะ ส.ส.ที่เป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน ไม่ได้โกรธกันว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องของ ครม.เป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี ที่เป็นฝ่ายบริหาร ไม่ใช่ ส.ส.ที่มีหน้าที่ออกกฎหมาย
“แต่เมื่อเรื่องใดก็ตามเข้าสู่การพิจารณาในสภาฯ มาดามเดียร์ก็สามารถวิจารณ์ได้ จึงต้องรู้จักสถานะ บทบาทหน้าที่ตัวเอง ว่าเวทีไหนควรพูดหรือไม่ ถ้า ส.ส.ทุกคนวิจารณ์รัฐบาลฝ่ายบริหาร บ้านเมืองคงวุ่นวาย ต้องแยกกันให้ออก อย่าไปก้าวก่ายฝ่ายบริหาร ขณะเดียวกันฝ่ายบริหารก็อย่ามาล้วงลูก ส.ส.เตือนสติกันได้ แต่อย่าปีนเกลียว เพราะฉะนั้นการร่วมรัฐบาล หรือถอนตัวร่วมรัฐบาลของพรรคภูมิใจไทย เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรค ส.ส.ของพรรค ไม่ใช่หน้าที่มาดามเดียร์”
เมื่อถามว่า ในการคัดค้านการต่อสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว พรรคภูมิใจไทยจะมีแนวทางอย่างไรต่อไป นายณัฏฐ์ชนน กล่าวว่า ส.ส.อย่างตนไม่ทราบ เป็นหน้าที่รัฐมนตรีของพรรคที่จะต้องหารือกับนายกฯ แต่เท่าที่ทราบวาระเรื่องนี้เข้ามาเมื่อวันจันทร์ที่ 7 ก.พ.ที่ผ่านมา และเข้าสู่การพิจารณาใน ครม.ในวันอังคารที่ 8 ก.พ.จึงไม่ทันได้ตั้งตัว เหมือนถูกมัดมือชก สถานการณ์บีบ อาจทำให้ลำบากในอนาคต
เมื่อถามว่า จะส่งผลต่อการร่วมรัฐบาลหรือไม่ รองโฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่ใช่ปัญหา เราคุยกันได้ ตนไม่ทราบว่าเหตุผลที่แท้จริงในการค้านเพราะอะไร แต่ตนมองว่าน่าจะมาจากค่าโดยสารที่สูงจนกระทบประชาชน ดังนั้น ยังพอมีเวลาที่จะคุยกันให้ลงตัว ส่วนที่มีการมองกันว่าทำไมไม่เข้าไปโต้แย้งในที่ประชุม ครม.แทนการบอยคอตนั้น ถือเป็นหลักการ แต่เราถอยมาตั้งหลักดีกว่า เพราะหน้างานจริงๆ สุดท้ายแล้วปากเสียงไม่สำคัญเท่ามติร่วมกันในที่ประชุมที่จะออกมาว่าเอาหรือไม่ และเรื่องนี้ไม่ได้ส่งผลต่อคะแนนนิยมของพรรค เพราะการเลือกตั้งยังอีกนาน เราเน้นการทำงานที่มีผลสัมฤทธิ์ดีกว่า