การจากไปของ “แตงโม- นิดา พัชรวีระพงษ์” ดาราสาวชื่อดัง ด้วยสาเหตุการพลัดตกเรือสปีดโบ๊ตกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 22.40 น. โดยมีคนที่อยู่ในเรือลำเดียวกัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์จำนวน 5 คน ได้แก่ กระติก-อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม , แซน-วิศาพัช มโนมัยรัตน์ สองประเภทสองที่ไปล่องเรือด้วย , โรเบิร์ต-ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ นักธุรกิจด้านการสื่อสารออนไลน์ , ปอ- ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ เจ้าของเรือ เป็นสามีของนักร้องหญิง “เบนซ์ พริกไทย” หรือ “สาวิตรี มีนะวาณิชย์” , จ๊อบ-นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หนึ่งในหุ้นส่วนร้าน BlackAmber | The Modern Classic Gentlemen Lifestyle ร้านตัดผมสุดหรูย่านทองหล่อ
ซึ่งหลังเกิดเหตุได้พบความผิดปกติเกิดขึ้นมากมาย ทั้งจากพฤติกรรมและการให้สัมภาษณ์ของผู้ที่อยู่บนเรือทั้ง 5 คน โดยหลายฝ่ายได้ตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นชาวเน็ต เพื่อนและบุคคลใกล้ชิดของแตงโม เจ้าหน้าที่กู้ภัย ผู้ที่เคยทำงานบนเรือสปีดโบ๊ท ผู้สื่อข่าว อดีตนายตำรวจ รวมถึงนักวิชาการด้านอาชญวิทยา โดยสามารถสรุปข้อพิรุธต่างๆได้กว่า 40 กรณี
1. แตงโมบอกแม่ (นางพนิดา ศิริยุทธโยธิน)ว่าจะไปถ่ายแบบ… แต่กระติกบอกแตงโมนัดกินข้าวกับเพื่อน
2. แตงโมรีบบินกลับจากภูเก็ตมากรุงเทพฯ …. ถ้านัดกินข้าวกับกระติกที่เจอกันแทบทุกวันคงไม่น่าลงทุนขนาดนั้น
3. ล่าสุด แม่บอกรู้มาว่าเป็นการ “รับงานกินข้าว” ซึ่งเรื่องนี้แตงโมคงไม่รู้มาก่อน
4. หลังจากแตงโมตกเรือ เพื่อนวนหาเองครึ่งชั่วโมง ก่อนแจ้งกู้ภัย ….ทั้งที่ระหว่างวนหาก็สามารถโทร.แจ้งกู้ภัยได้
5. พอกู้ภัยมา เพื่อนไม่ให้ข้อมูลว่าเหตุการณ์ตอนตกเป็นอย่างไร พอถามว่าตกตรงไหน เพื่อน 3 คน ชี้กันไปคนละทิศละทาง
6. เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมา เพื่อนๆก็ไม่ให้ข้อมูล แค่เขียนชื่อของแตงโมใส่กระดาษยื่นให้ตำรวจเท่านั้น
7. เพื่อนให้สัมภาษณ์ว่ากู้ภัยมาช้า จึงช่วยไม่ทัน…. ทั้งที่จริงๆที่การตามหาล่าช้าเพราะเพื่อนแจ้งกู้ภัยช้า และไม่ให้ข้อมูล
8. พอกู้ภัยและตำรวจมา ทั้ง 5 คนก็พากันหายไปหมด ….ทั้งที่ปกติถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คนบนเรือจะอยู่รอและช่วยค้นหาผู้สูญหาย
9. กระติกบอกว่า รีบกลับออกไปเพราะคิดถึงลูก รีบกลับไปหาลูก… แต่ภาพในกล้องวงจรปิดที่ท่าเรือพบว่า ฮิปโปและโบว์ (ไทรอัมส์คิงดอม) ซึ่งเป็นพี่น้องกับ เบนซ์ พริกไทย แฟนของไฮโซปอ หนึ่งในผู้ชายที่นั่งเรือไปด้วย มารับออกไป ….ไม่รู้ไปไหน แต่กล้องวงจรปิดตามถนนน่าจะตามได้
10. กระติกบอกคิดว่ากลับไปบ้านแล้วอาจเจอแตงโม ซึ่งขึ้นเรือคนอื่นได้และกลับมาที่บ้าน….. แตงโมตกน้ำตอน 4 ทุ่มกว่า ดึกขนาดนั้นไม่น่าจะมีเรือผ่านมาช่วยแตงโม
11. กระติก ไม่โทร.บอกแม่ของแตงโมว่าโมตกน้ำ โดยอ้างว่าเพราะไม่สนิทกับแม่ และแม่ไม่มีชุดประดาน้ำคงช่วยอะไรไม่ได้ …… แต่แม่ของแตงโมบอกว่าหลังพ่อโมเสียชีวิต แม่ไปทำงานกับแตงโมตลอด ซึ่งต้องเจอกระติกอยู่ แล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่กระติกจะไม่สนิทกับแม่ และถึงแม้จะอะไรไม่ได้แต่ในฐานะที่เป็นแม่ของแตงโมก็ควรต้องบอก
12. กระติบอกว่าเพื่อนตายยังไม่มีเวลาร้องไห้ เพราะต้องเตรียมข้อมูลมาตอบคำถาม…… ทำให้สังคมเคลือบแคลงว่าทำไมต้องเตรียมข้อมูล ก็แค่เล่าไปตามความจริง
13. หลังจากแตงโมเสียชีวิต IG ของเธอก็ยังมีการเคลื่อนไหว โดยมีรูปใน IG ถูกลบไป 7 รูป ….จึงเกิดคำถามว่าใครเป็นคนลบ ซึ่งคนที่ลบต้องรู้พาสเวิร์ดของแตงโม และโดยปกติแล้วผู้จัดการดารามักจะรู้พาสเวิร์ด IG และ facebook ของดาราที่ตนเองดูแลเพราะต้องช่วยดูแลภาพลักษณ์ในการสื่อสาร ช่วยอัพรูป ช่วยตอบคอมเม้นท์แฟนคลับแทนดารา รวมถึงหากมีคอมเม้นท์ที่ไม่เหมาะสมเข้ามาก็จะได้ช่วยคัดกรองได้ แต่กระติกปฏิเสธว่าเธอไม่รู้พาสเวิร์ดของแตงโม
14. แซนบอกว่าตอนเกิดเหตุตัวเองนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ท้ายเรือ แต่พอนักข่าวถามว่าหลังเกิดเหตุทำไมหายไป แซนบอกว่าตนไม่เล่นโซเชียล เลยไม่รู้ข่าว….. ซึ่งเป็นคำตอบที่ผิดปกติมาก เพราะตอนอยู่บนเรือแซนยังเล่นโซเชียลอยู่ อีกทั้งเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เป็นไปได้หรือที่คนที่อยู่ในเหตุการณ์จะไม่ตามข่าว
15. ทั้ง 5 คนที่อยู่ในเหตุการณ์การเสียชีวิตของแตงโมไม่ไปให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตามนัด แต่กลับนัดพบทนาย คือ “นายษิทรา เบี้ยบังเกิด” เพื่อหารือถึงการให้ปากคำหรือตอบคำถามในคดีดังกล่าว แต่ “ทนายตั้ม” ปฏิเสธไม่รับเป็นที่ปรึกษา ….. ทำให้สังคมอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็แค่ให้ปากคำไปตามความจริง ทำไมต้องปรึกษาทนาย
16. ตอนแรกกลุ่มนี้บอกว่าแตงโมพลัดตกเรือ แต่ไม่รู้แตงโมตกเรือตอนไหน ไม่มีใครเห็น แต่ภายหลังกลับบอกว่าแซนเห็นแตงโมไปปัสสาวะที่ท้ายเรือและพลัดตกลงไป…..ทำไมจึงพูดไม่ตรงกัน
17. หลังจากแตงโมตกน้ำผู้ที่เห็นเหตุการณ์และคนที่อยู่บนเรือทำไมไม่โยนชูชีพให้แตงโมใช้พยุงตัว จึงดูเหมือนว่าไม่มีใครพยายามให้ความช่วยเหลือ
18. หลังมีข่าวว่าแตงโมตกเรือ คืนนั้น “แอนนา ทีวีพูล” เพื่อนสนิทของแตงโมและกระติก โทร.ถามกระติก ซึ่งกระติกบอกว่าเรื่องจริง แต่ไม่ยอมให้ข้อมูลอะไร พร้อมทั้งบอกกับแอนนาว่าไม่ต้องเดินทางไปที่เกิดเหตุ…. ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน
19. ล่าสุดคนที่อยู่บนเรือให้สัมภาษณ์ว่าที่ปิดข่าวเพราะแตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือ ถ้าข่าวออกไปจะเสียภาพพจน์ ….. ทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตว่าในสถานการณ์ความเป็นความตายเช่นนั้นชีวิตคนกับภาพพจน์อะไรสำคัญกว่า
20. แซนให้สัมภาษณ์ว่าแตงโมบอกแซนว่า “กูจะไปฉี่” ….แต่แตงโม่ได้รู้จักแซนมาก่อน จะกล้าพูดมึงพูดกูหรือ
21. แซนบอกว่าตอนนั่งฉี่ท้ายเรือแตงโมจับขา 2 ข้างของตนเองไว้….. ตอนพบศพแตงโมใส่บอดี้สูท นุ่งกระโปรงทับ แล้วพันทับด้วยเสื้อคลุมอีกที ถามว่าถ้าตอนฉี่แตงโมเอา 2 มือจับขาแซน แล้วแตงโมเอามือที่ไหนถลกกระโปรง เอามือมือที่ไหนแหวกกางเกงบอดี้สูท และเป็นไปไม่ได้ที่มือหนึ่งจะจับขาแซน และอีกมือแหวกกางเอง เพราะต้องถลกกระโปรงไปด้วย
22. “แยม- ฐปณีย์ เอียดศรีไชย” ผู้สื่อข่าวและผู้ก่อตั้ง สำนักข่าวเดอะรีพอร์ตเตอร์ ได้ทดลองนั่งเรือสปีดโบทที่ขับเร็ว (ตามที่คนในเรือบอกว่าแตงโมตกน้ำเพราะแล่นเร็ว) และพยายามจะไปนั่งยองๆท้ายเรือ ปรากฏว่าไม่สามารถทำได้เพราะเรือโคลงมาก อีกทั้งมีลมแรง แค่นั่งที่ขอบเรือเฉยๆยังทรงตัวยาก…. ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่แตงโมจะนั่งปัสสาวะท้ายเรือ
23. เป็นไปไม่ได้ที่ดาราห่วงสวยแบบแตงโมจะนั่งปัสสาวะ ขณะที่มีผู้ชายแปลกหน้า 3 คนอยู่ด้วยกันในเรือลำเล็กๆ
24. ตอนแรกเจ้าของเรือบอกแตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือเพราะห้องน้ำเสีย แต่ล่าสุดที่มาออกโหนกระแสบอกเพราะมีของอยู่ในห้องน้ำ ….. ทำให้มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ห้องน้ำเสียคืออาการที่กดชักโครกไม่ลง ทำไมจะปัสสาวะไม่ได้ แค่ขับถ่ายแล้วไม่ต้องกดชักโครก ขณะที่บางคนบอกว่าห้องน้ำในเรือคือการขับถ่ายลงน้ำ ไม่ต้องกดชักโครกเหมือนห้องน้ำปกติ หรือถ้ามีของในห้องน้ำก็แค่เอาของออก จะไปนั่งปัสสาวะท้ายเรือให้อายผู้คนทำไม
25. ถ้าแตงโมจะปัสสาวะจริงๆ โดยไม่ใช้ห้องน้ำของเรือก็สามารถให้เรือเทียบฝั่ง ขอเข้าห้องน้ำตามร้านอาหารสองข้างทางก็ได้
26. เพื่อนๆบอกว่า ไม่ได้ยินเสียงตอนแตงโมตกน้ำ เพราะเครื่องเรือเสียงดัง …. แต่ก่อนหน้านี้ “เบนซ์ พริกไทย” แฟนของไฮโซปอ เคยขับเรือลำนี้เพื่อสาธิตถึงสมรรถภาพของเรือว่าเครื่องยนต์เสียงเบามาก ใครพูดอะไรในเรือก็ได้ยินหมด ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่คนตกน้ำซึ่งต้องร้องขอความช่วยเหลือ แล้วคนในเรือจะไม่ได้ยิน
27. ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณท่าเรือแห่งหนึ่งพบว่ามีการรินไวน์ในคนที่อยู่ในเรือรวม 5 แก้ว แต่หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับพบว่าบนเรือมีแก้วไวน์เหลือเพียงใบเดียวเท่านั้น …… ถามว่า แก้วที่เหลือหายไปไหน เป็นไปได้หรือไม่ที่มีการโยนแก้วไวน์ทิ้งน้ำเพื่อทำลายหลักฐานบางอย่าง
28. ตอนเจอร่างของแตงโม พบว่ามีบาดแผลยาวและลึกถึงกระดูก ซึ่งตำรวจคาดว่าน่าจะถูกใบพัดเรือบาดตอนตกเรือ….. แต่มีคนที่เคยทำงานบนเรือสปีดโบทออกมาบอกว่า ถ้าเรือแล่นเร็วตามที่คนบนเรือบอก ใบพัดเรือจะไม่มีทางฟันขาคนที่ตกเพราะเรือแล่นออกไปข้างหน้า และขาของคนที่ตกน้ำจะลอยขึ้นซึ่งเป็นคนละทิศกับใบเรือ อีกทั้งหากเรือแล่นเร็วแล้วมีคนถูกใบพัดฟัน ใบพัดที่หมุนจะทำให้แผลเป็นริ้ว เหวอะหวะ เนื้อเละ ไม่ต่างจากหมูบด ซึ่งบาดแผลของแตงโมเกิดจากใบพัดเรือก็จะเกิดได้เฉพาะตอนที่เรือแล่นช้าๆเท่านั้น
29. คนขับบอกไม่รู้ว่าใบพัดไปฟันแตงโมบาดเจ็บ…. ซึ่งคนที่เคยขับเรือสปีดโบทบอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ เพราะหากใบพัดเรือไปฟันอะไร ระบบของเรือจะหยุดทันที
30. “บิ๊กแจ๊ส-คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง” นายก อบจ.ปทุมธานี ในฐานะอดีตมือปราบชื่อดัง ระบุว่า ผลการชันสูตรพลิกร่างของแตงโมพบว่า ในปอดมีทรายและดิน ซึ่งแสดงว่าจุดที่แตงโมตกเรือต้องไม่ใช่จุดที่น้ำลึก ระยะผิวน้ำถึงพื้นดินไม่ถึง 5 เมตรแน่นอน เพราะหลังจากตกเรือแตงโมคงไม่มีโอกาสกลั้นหายใจก่อน อยู่ๆก็ตกและจมลงน้ำจนไปถึงดินเลย เมื่อสูดหายใจเจอทรายเจอดินจึงเข้าไปถึงปอดจนสิ้นใจ ซึ่งขัดกับคำบอกเล่าของคนบนเรือที่ชี้จุดที่แตงโมตกแล้วขับเรือวนหา ซึ่งเป็นจุดที่น้ำลึก
31. คนที่อยู่บนเรือบอกว่าพอรู้ว่าแตงโมตกน้ำก็ขับเรือหาทันที (แซนบอกว่าเห็นแตงโมที่นั่งปัสสาวะอยู่ตกน้ำ เลยตะโกนบอกเพื่อน) ……แต่เด็กตกปลาซึ่งถ่ายคลิปของเรือลำนี้ไว้ บอกว่าเรือแล่นด้วยความเร็ว แล้วหักศอก แล่นหายไปเกือบ 10 นาที จึงวนเรือกลับมาวนหาแถวนั้น ซึ่งการที่เรือหายไปเกือบ 10 นาที แสดงว่าขับออกไปไกลมาก จึงไม่ใช่รู้ว่าแตงโมตกน้ำแล้วค้นหาทันที
32. แซนให้สัมภาษณ์ว่าตอนตกเรือแตงโมเกาะข้างเรือ …..ซึ่ง “พ.ต.ท.ดร กฤษณพงค์ พูตระกูล” ประธานบริหารหลักสูตรอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ชี้ว่าเป็นสิ่งที่ขัดกับคำให้การที่บอกว่าตอนแตงโมตกน้ำเรือแล่นเร็ว เพราะหากเรือแล่นเร็วแตงโมจะไม่สามารถเกาะเรือได้
33. ชาวเน็ตสังเกตว่าวันเกิดเหตุเสื้อของจ๊อบ หนึ่งใน 3 ชายหนุ่มที่ไปด้วยกันมีรอยขาด ….ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนที่เป็นไฮโซจะใส่เสื้อขาดไปกินข้าวกับสาวๆ ยกเว้นแต่จะขาดหลังจากนั้น ล่าสุดจ๊อบนำเสื้อมาโชว์ในรายการโหนกระแสว่าไม่ได้ขาด ซึ่งต้องพิสูจน์กันต่อไป
34. ล่าสุดตอนที่ กระติก แซน จ็อบ และปอ ไปออกรายการโหนกระแส นักข่าวช่อง 3 ขอให้จ๊อบลองใส่เสื้อที่อ้างว่าไม่ได้ขาด ปรากฏว่าตอนถอดเสื้อนักข่าวเห็นรอยฟกช้ำที่หัวไหล่และรอยขีดข่วนตามตัวของจ๊อบ นักข่าวถามว่าไปโดนอะไรมา จ๊อบบอกว่าล้มบนเรือตอนตามหาแตงโม จากนั้นก็ขอให้นักข่าวลบรูปที่ถ่ายรอยฟกช้ำดังกล่าว ….ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าถ้าล้มน่าจะฟกช้ำที่ขามากกว่า และการล้มไม่ได้ทำให้เกิดรอยขีดข่วน อีกทั้งถ้าเป็นการฟกช้ำที่เกิดจากอุบัติเหตุทำไมต้องลบรูป จ็อบกลัวอะไร ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 5 คนไปตรวจร่างกาย และพบว่ารอยฟกช้ำของจ๊อบเกิดจากการกระแทกของแข็ง อายุของบาดแผลประมาณ 5-7 วัน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับวันเกิดเหตุ ส่วนรอยข่วนนั้นใหญ่กว่ารอยเล็บ ซึ่งบอกไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร
35. ชาวเน็ตตั้งข้อสังเตว่าจากภาพการปรากฏตัวในที่ต่างๆของคนที่อยู่บนเรือในวันกิดเหตุ พบว่า “ปอ” และ “แซน” ก็มีรอยข่วนและรอยฟกช้ำตามร่างกายเหมือนกัน
36. ล่าสุด “ฮิปโป ฉันท์ชนะ” เพื่อสนิทของแตงโม ให้สัมภาษณ์ว่าได้คุยกับเจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่าร่างของแตงโมมีรอยช้ำที่คอและหน้าอก ซึ่งเป็นรอยที่เกิดก่อนตกน้ำ และฮิปโปยืนยันว่าก่อนไปนั่งเรือกินข้าวแตงโมไม่มีรอยดังกล่าวเพราะละครที่แตงโมถ่ายเป็นซีนอารมณ์ ไม่มีฉากปะทะหรือต่อสู้….. จึงเกิดคำถามว่ารอยนี้เกิดจากอะไร ?
37. “เอกพันธ์ บันลือฤทธิ์” ในฐานะอาสากู้ชีพที่ช่วยนำร่างของแตงโมขึ้นจากน้ำ ตั้งข้อสังเกตว่าบริเวณเปลือกตาของแตงโมมีร่องรอยเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง เหมือนแผลที่ถูกชกเข้าเบ้าตา …. แม้ต่อมานิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ จะเผยผลการชันสูตรรอยที่บริเวณดวงตาว่าไม่ใช่บาดแผล แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายหลังเสียชีวิต แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงเอกพันธ์ซึ่งเป็นอาสาสมัครกู้ภัยมากว่า 30 ปี ก็น่าจะรู้เพราะต้องเคยพบเห็นศพจมน้ำที่มีลักษณะนี้มาก่อน
38. เอกพันธ์ พบว่าล็บนิ้วกลางมือขวาของแตงโมมีรอยหักงอ ซึ่งน่าจะเกิดจากการใช้แรงไปจับหรือจิกอะไรบางอย่าง….. ซึ่งชาวเน็ตมองว่าสอดคล้องกับรอยข่วนบนตัวของจ๊อบ
39. ชาวเน็ตพบว่า “โรเบิร์ต” 1 ใน 5 ที่ไปร่วมล่องเรือ มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ โดยอินสตาแกรมของโรเบิร์ต มีการเปลี่ยนชื่ออินสตาแกรมใหม่เป็น pubble พร้อมกับตั้งค่าให้เป็นไพรเวต ซึ่งคนที่จะเข้ามาดูได้ ต้องได้รับอนุญาตก่อนเท่านั้น
40. แม่แตงโมบอกว่ามีคนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าเรื่องราวที่เกิดบนเรือให้เพื่อนของแม่ฟัง และเพื่อนของแม่นำมาบอกแม่อีกที โดยระบุว่าแตงโมถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ
41. ล่าสุด แม่ของแตงโมนำหลักฐานเพิ่มเติมไปมอบให้ตำรวจเพราะเชื่อว่าถูกข่มขู่ แต่ภายหลังนักสืบไซเบอร์ช่วยกันไขปริศนาซีดีและภาพวาดที่ส่งมาให้แม่ พบว่ามีชื่อบุคคลและเหตุการณ์บนเรือ พร้อมทั้งชื่อโรงแรมย่านสุขุมวิท จึงเชื่อว่าเป็นการให้เบาะแสของคดี แม้ภายหลังจะมีข่าวออกมาว่าผู้ที่ส่งซีดีและภาพวาดให้คือเพื่อนบ้านที่อยู่ในคอนโดฯเดียวกับแม่แตงโมและไม่ค่อยปกติ แต่ก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่าคนที่สมองไม่ปกติจะรู้รายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือได้อย่างไร เรื่องนี้จึงยังคงเป็นปริศนาต่อไป
42. ภาพที่แตงโมถ่ายกับกระติกภาพสุดท้าย ระบุเวลา 21.56 น. ซึ่งแอนนาบอกว่าเป็นเวลาเดียวกันเป๊ะกับที่แตงโมตอบแชทแอนนา แต่ข้อความที่ตอบนั้นสั้นผิดปกติ ซึ่งไม่ใช่วิสัยของแตงโม ….เป็นไปไม่ได้ที่แตงโมจะทำสองอย่างในเวลาเดียวกันเป๊ะ ขณะที่ชาวเน็ตระบุว่าภาพถ่ายในไอโฟนสามารถตั้งเวลาและเปลี่ยนโอเคชั่นได้ จึงเป็นไปได้ว่าเวลาที่ปรากฏบนรูปอาจไม่ใช่เวลาที่แม้จริง การตอบแชทแทนแตงโมและการโชว์รูปถ่ายที่ระบุเวลาถ่าย จึงอาจเป็นการสร้างหลักฐานเรื่องเวลา
43. ล่าสุดกระติกเข้าไปกราบขอโทษแม่ของแตงโม พร้อมกับยืนยันว่าได้ช่วยหาแตงโมอย่างเต็มที่แต่เธอว่าวย้ำไม่เป็นจึงไม่สามารถลงไปค้นหาแตงโมในแม่น้ำได้…..ซึ่งชาวเน็ตก็ได้จับโป๊ะทันควัน โดยขุดคลิปที่กระติกว่ายน้ำ-ดำน้ำ กับลูกสาวในสระ พร้อมตั้งคำถาม.. ไหนบอกว่ายน้ำไม่เป็น
44. แอนนาระบุว่า ประกันชีวิตมูลค่า 1 ล้านบาท ซึ่งแตงโมได้รับจาก”ทิพยประกันภัย” จากการทำแคมเปญให้บริษัทประกันภัยดังกล่าวนั้น แตงโมใส่ชื่อลูกสาวของกระติกซึ่งแตงโมรับเป็นบุตรบุญธรรม เป็นผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งกระติกรู้ว่ามีประกันตัวนี้เพราะกระติกเป็นผู้ลงชื่อในฐานะพยาน…..ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ชาวเน็ตต่างตั้งข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่กระติกจะตั้งใจไม่ช่วยชีวิตแตงโมเพราะหากแตงโมเสียชีวิตลูกของตนจะได้รับเงินจากประกันถึง 1 ล้านบาท
45. หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มที่ไปล่องเรือ พูดแต่ละครั้งไม่เหมือนกันเลย….. คนที่พูดความจริงจะพูดเหมือนกันทุกครั้ง ยกเว้นแต่ว่า นั่นไม่ใช่ความจริง !
46. นอกจากความเคลือบแคลงที่มีต่อเพื่อนและกลุ่มคนที่อยู่ในเรือลำเดียวกับแตงโมแล้ว สังคมยังเคลือบแคลงต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ประเด็นแรกคือกรณีการเปลี่ยนสถานที่ชันสูตรร่างของแตงโมอย่างกะทันหัน จากเดิมที่จะขบวนรถของตำรวจกำลังเดินทางเพื่อนำร่างของแตงโมจากท่าเรือพิบูลสงครามไปชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ แต่อยู่ๆก็มีคำสั่งให้นำร่างไปชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจ โดย “เอกพันธ์” ในฐานะอาสากู้ชีพที่ไปช่วยค้นหาร่างแตงโม เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับเขาว่า “นายสั่งมา” ทั้งนี้ยังไม่นับรวมที่ภรรยาของ “ไฮโซปอ” คือ “เบนซ์ พริกไทย” มีพ่อเป็นนายตำรวจใหญ่ อีกด้วย
47. เหตุใดหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่เรียกผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 5 คน มาตรวจหาสารเสพติดและตรวจร่างกายเพื่อดูว่ามีร่องรอยที่ผิดปกติหรือไม่….แต่กลับเรียกบุคคลดังกล่าวมาตรวจหาสารเสพติดหลังเกิดเหตุถึง 3 วัน และตรวจร่างกายหลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้วถึง 5 วัน ซึ่งกระแสสังคมในขณะนี้มองว่าความผิดปกติดังกล่าวอาจเกิดจากคำสั่งของ “ผู้มีอำนาจ”จึงเกรงว่าจะทำให้คดีไม่เป็นตามความเป็นจริง
ทั้งนี้ จากผลการตรวจชันสูตรร่างของ “แตงโม นิดา” เบื้องต้น โดยสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ มีรายละเอียดดังนี้
– สาเหตุการเสียชีวิตของ แตงโม เกิดจากการขาดอากาศหายใจ ซึ่งอธิบายได้ว่าตกน้ำไปแล้ว มีการสำลักน้ำจนเสียชีวิต
– ในปอด ตรวจพบน้ำและโคลน ทั้งในหลอดลมและแขนงปอด
– กระเพาะ พบเศษโคลน มีการสำลักน้ำ จึงหายใจเอาโคลนเข้าปอดและกระเพาะ
– ตรวจพบบาดแผลตามร่างกายช่วงล่างลงไป ซึ่งเกิดจากของมีคม อาจจะเป็นใบพัดเรือหรือไม่ ส่วนช่วงบนไม่มีบาดแผล ดังนั้นคงต้องใช้เวลาในการนำเนื้อเยื่อไปตรวจสอบอีกครั้ง
– ส่วนการตรวจสอบสารอื่นๆ ในร่างกาย ตอนนี้อยู่ระหว่างการวิเคราะห์
– สรุปยืนยันว่ามีการตกน้ำจริง เนื่องจากเสียชีวิตจากการสำลักน้ำ แต่สาเหตุการตกน้ำนั้น ยังคงอยู่ในระหว่างสอบสวน
– ส่วนรอยที่บริเวณดวงตา พบไม่ใช่บาดแผล แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายหลังเสียชีวิตลง
– ประเด็นพบแผ่นอนามัยขนาดเล็ก อยู่ระหว่างตรวจสอบว่ามีประจำเดือน หรือสารอื่นบนแผ่นอนามัย
– ทั้งนี้สภาพร่างกายของดาราสาวเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างมาก โดยตรงหูรูดกระเพาะปัสสาวะคลายตัวและเน่าเปื่อย ทำให้ไม่สามารถตรวจหาปัสสาวะได้
ด้าน แพทย์หญิง คุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ระบุว่า โดยปกติทั่วไปการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ ศพจมน้ำจะตรวจหาสาเหตุ2 รูปแบบ คือ เสียชีวิตก่อนจมน้ำ และเสียชีวิตในน้ำ โดยแพทย์ต้องทำการชันสูตรว่าเหตุใดผู้ตายไม่สามารถขึ้นมาจากน้ำได้ เช่น เมา ,ได้รับบาดเจ็บ , ต้องระมัดระวังจะโดนใบพัดเรือ ขณะเดียวกันก็ต้องหาหลักฐานอื่นประกอบด้วยเพื่อพิสูจน์ถึงสาเหตุการเสียชีวิตและหากศพเจอบาดแผล แพทย์ต้องแยกให้ได้ก่อนว่าเกิดจากอะไร และเกิดก่อนหรือหลังเสียชีวิต ถึงจะมาประเมินว่ามีส่วนสำคัญที่ทำให้ว่ายน้ำไม่ได้หรือไม่ ซึ่งหากได้รับบาดเจ็บก่อนเสียชีวิตแผลจะเกิดการอักเสบ แต่หากแผลมีขนาดใหญ่มากก็จะตรวจค่อนข้างยาก
ขณะที่ “พ.ต.ท.ดร กฤษณพงค์ พูตระกูล” ประธานบริหารหลักสูตรอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต มองว่า เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามหลายประการ คำให้การขัดแย้งกันหลายจุด ทั้งการนั่งปัสสาวะท้ายเรือในขณะที่เรือวิ่งและชุดที่สวมใส่ไม่เอื้ออำนวย อีกทั้งโดยหลักหากมีเพื่อนผลัดตกจากเรือ กลุ่มเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์จะพยายามติดตามหา ต้องรอให้ข้อมูลแก่พนักงานสอบสวน ตำรวจขอร้องอะไรก็จะให้การช่วยเหลือทุกอย่าง แต่กลุ่มเพื่อนของแตงโมกลับไม่เป็นเช่นนั้น อีกทั้งจากการให้สัมภาษณ์ก็มีข้อสังเกตอยู่พอสมควร
“หลักสากลในการสืบสวนสอบสวนคือ อะไรก็ตามที่แตกต่างจากความเป็นปกติ นั่นคือพิรุธ” พ.ต.ท.ดร กฤษณพงค์ ระบุ
สำหรับคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม-นิดา” นั้น พบพิรุธต่างๆมากมายกว่า 40 กรณี ทำให้สังคมเชื่อว่าคดีนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดาอย่างแน่นอน !