รายการข่าวฟ้ายามเย็น 28 มิถุนายน พ.ศ. 2565
เวลา 17.00-18.00 น. ดำเนินรายการโดย จิตกร บุษบา และ นันทิญา จิตตโสภาวดี
พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ ศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ(ศรภ.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กโดยมีรายละเอียดดังนี้ กรณีที่นิด้าโพลได้แจ้งผลว่าคุณอุ๊งอิ๊ง มีคะแนนนำในการทำโพล เรื่องใครน่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ กันอย่างมากมาย โดยอ้างอิงเรื่องการทำนายคุณชัชชาติ ของนิด้าโพล ได้ถูกต้องมาเป็นข้อวิจารณ์ว่าเรื่องอุ๊งอิ๊งก็น่าจะถูกต้องเช่นกัน มาดูข้อเท็จจริงในกรณีนี้ ประกอบการตัดสินใจว่าจะเชื่อนิด้าโพล ได้หรือไม่เสียก่อน เรื่องคุณชัชชาตินั้น อย่าว่าแต่นิด้าโพลจะทายถูกเลย ทุกคนก็ทายถูกกันทั้งนั้น เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะชนะมากหมายถึงขนาดนี้
นอกจากนั้นการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ยังเป็นการแข่งขันในแค่ระดับจังหวัดเท่านั้น ไม่ต้องมีความรับผิดชอบต่อการบริหารประเทศเป็นส่วนรวมเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ด้วย จึงทำให้ประชาชนสามารถตัดสินใจได้ง่ายกว่าการเลือกตั้ง ส.ส. สิ่งสำคัญ คือ คุณชัชชาติ ได้เตรียมงานในพื้นที่อย่างมุ่งมั่นมาถึง 2 ปี เป็นที่รู้กันทั่วไป โดยไม่ได้อ้างชื่อ “พรรคเพื่อไทย” ลงสมัครอีกด้วย
ดังนั้นเรื่องนี้คงไม่มีทางที่จะคล้ายคลึงกับกรณีของ คุณอุ๊งอิ๊งอย่างแน่นอน ส่วนคุณอุ๊งอิ๊งนั้น เมื่อเข้ามาในพรรคเพื่อไทย ก็มีฐานะ เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยทันที บุคคลภายนอกต่างก็เห็นว่าหมอชลน่าน หน.พรรคฯและผู้นำฝ่ายค้านในสภา(ศักดิ์ศรีเทียบเท่ากับลุงตู่) ยังต้องลดบทบาทลงมาเป็นรองคุณอุ๊งอิ๊ง ดังนั้นคงไม่ต้องพูด ส.ส.พรรคเพื่อไทยคนอื่นๆว่าจะมีสภาพหวานอมขมกลืนอย่างไร ต่อการวางตัวและการกำหนดบทบาทของตัวเองในพรรค เพราะนอกจากตัวคุณอุ๊งอิ๊งแล้ว ยังมีทีมงานอีกหลายสิบคน เช่น คุณโอ๊ค คุณณัฐวุฒิ เป็นต้น ในกรณีนี้ คำว่า “บริษัทจำกัด” จึงปรากฏ เข้ามาแทนคำว่า “พรรคการเมือง” เห็นได้อย่างชัดเจน ดังนั้นในต้นปีหน้าโอกาสที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นเอกภาพ สามารถทำแลนด์สไลด์ได้จึงเกิดขึ้นยากครับ อย่างไรก็ตาม กรณีเดียวกันนี้ กลับมีเรื่องที่น่าสนใจมากกว่าเรื่องของคุณอุ๊งอิ๊ง ได้แก่ คำถามที่ว่า ทำไมลุงตู่ซึ่งพาประเทศไทยฝ่าวิกฤติโลกอย่างรุนแรงสำเร็จถึง 4 ครั้งติดต่อกันมาอย่างสวยงาม (การรับมือกับโรคระบาดโควิด,ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน, การรักษาดุลระหว่างขั้วมหาอำนาจทั้ง 2 ฝ่าย และผลกระทบจากภาวะเงินเฟ้อ) แต่ลุงตู่กลับได้รับคะแนนนิยมตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 4 ซึ่งทางลุงตู่ก็ควรนำไปคิดด้วย ถ้าต้องการจะอยู่ดูผลงานของตัวเอง ที่กำลังจะประสบความสำเร็จอีกหลายเรื่องในปีหน้า