เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 2 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และแกนนำพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ระบุว่าเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคพลังประชารัฐ อยู่ในช่วงขาลง จะเป็นพรรคต่ำ 50 หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ว่า ภายในพรรคเปลี่ยนแปลงกันมากแล้ว ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ และผลการเลือกตั้งซ่อมกทม.เขตเลือกตั้ง 9 ที่ออกมา กับสิ่งที่เขาปรับเปลี่ยนปรับปรุง ก็คิดว่าได้แก้ปัญหาไปแล้ว ต่อไปต้องรอเวลา ทั้งของรัฐบาลและรัฐสภา ยังมีเวลากว่า 1 ปี 2 เดือน ที่จะทำให้เกิดความเข้าใจ ในสิ่งที่คนไม่เข้าใจ คนในพรรคก็จะเข้าสู่หมวดการเมืองอย่างแท้จริง
เมื่อถามว่า ยอมรับหรือไม่ว่าคะแนนนิยมของพรรคพลังประชารัฐตกลง นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ต้องบอกว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงแล้ว สิ่งที่เป็นผลในอดีตก็ได้ปรากฏให้เห็น ซึ่งแล้วแต่คนมองว่าตกต่ำหรือไม่ตกต่ำ ก็ต้องรอดูก้าวเดินต่อไปของพรรคฯ ตนเชื่อว่าท่านหัวหน้าพรรคฯคงจะเข้าใจอะไรมากมาย และคงจะต้องก้าวเดินต่อไปจะถอยหลังหรือหยุดไม่ได้
เมื่อถามว่ามีการถอดบทเรียนผลการเลือกตั้งหรือไม่ เพราะหลายฝ่ายมองว่าชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สามารถขายได้แล้ว นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ได้แพ้เพราะชื่อพรรคฯแต่ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ต้องทำความเข้าใจ จะขยับปรับเปลี่ยนหรือไม่ก็ยังต้องเดินต่อไปให้ได้ ต้องใช้เวลา ตอนนี้ก็ต้องให้สื่อวิจารณ์ไปก่อน เพื่อใช้เวลาที่เหลืออยู่ปรับแนวทางไปสู่เป้าหมายที่แท้จริง ส่วนที่มีการโพสต์เฟซบุ๊กว่าศัตรูของศัตรูคือเพื่อน นั้น นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องเล็กๆ ตนไม่สนใจ ส่วนกังวลหรือไม่ว่าส.ส. 21 คนที่ออกไป จะทำให้เสถียรภาพรัฐบาลสั่นคลอน ขอย้ำว่าเรื่องจริงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่คิด และทุกคนมีสิทธิ์คิด มีสิทธิ์มอง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงอาจจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น อย่าคิดไปก่อน
ส่วนว่าการกระทำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา อดีตพรรคพลังประชารั เป็นการส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ ไม่ได้ดูขนาดนั้น ส่วนจะสามารถคุมได้หรือไม่หากออกไปแล้วเพราะเมื่ออยู่ในพรรคก็ไม่สามารถคุมได้ นายสมศักดิ์ กล่าวว่าพรรคพลังประชารัฐมีประชาธิปไตยสูง คุมกันตนว่าไม่มี ที่ผ่านมาไม่มีว่าจะต้องสั่งซ้ายไปขวา พลังประชารัฐเป็นประชาธิปไตยไม่ได้สั่งการอะไรเลย ที่ผ่านมาก็อิสระมากๆ ปล่อยเสรีมากๆ แต่อาจเลยไปบ้างก็ดึงกลับมา
เมื่อถามว่าเวลาที่เหลืออยู่มั่นใจว่าจะกู้วิกฤตศรัทธาของประชารัฐอย่างไร นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้เรากลับมายืนอยู่ในที่ที่ควรจะเป็น ก็ต้องรอฝ่ายบริหารของพรรคที่จะต้องดำเนินการต่อไป ตนไม่กล้าไปพูดหรือแนะนำ แต่เราทำในส่วนที่เรารับผิดชอบให้ดีที่สุดและทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองให้สุด และมองประชาชน ตนคิดว่าก็จะสามารถกลับมาได้
ส่วนจะมีการสั่งสังคายนาพรรคฯหลัง ร.อ.ธรรมนัส ออกไปหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แล้วแต่ผู้บริหารพรรคฯ จะสังคายนาหรือไม่ก็ได้ ตามอัธยาศัย แต่ทุกคนต้องเตรียมตัวเองให้รู้ว่านี่คือการเมือง ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเองแต่ต้องทำเพื่อส่วนรวม ทำอย่างไรให้ส่วนรวมยอมรับได้ ถ้าเราไม่ทำหรือทำเหมือนเดิมก็อาจจะสู้คนอื่นเขาไม่ได้ แต่เชื่อว่ายังมีเวลาอยู่
เมื่อถามว่ากลุ่มสามมิตรจะยังคงอยู่กับพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าว “อยู่ครับ” ส่วนกระแสข่าวที่ระบุว่าเลือกตั้งครั้งหน้ากลุ่มสามมิตรจะไม่อยู่กับพรรคพลังประชารัฐแล้วนั้น ก็แล้วแต่สื่อจะมอง เพราะสื่อเป็นคนวิเคราะห์ ตอนนี้สื่อพัฒนาไปมาก บางทีเรายังไม่คิด เขาก็คิดให้เราไปแล้ว เราจึงต้องคิดตามว่าเป็นอย่างนั้นจริงเหรอ เมื่อถามย้ำว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะลงในนามพรรคพลังประชารัฐแน่นอนใช่หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า สื่อคิดนำให้ อย่าไปถามอย่างนั้น เพราะเป็นเรื่องไม่สร้างสรรค์