Skip to content
  • หน้าแรก
  • รายการสถานี
    • อรุณสวัสดิ์ ฟ้าวันใหม่
    • เล่าข่าวเด่น เล่นข่าวดัง
    • ฟ้าวันใหม่นิวส์
    • สนามข่าวโซเชียลฯ
    • ข่าวฟ้ายามเย็น
    • บ้านเมืองของเรา
    • ฟ้าทะลายโจร
  • การเมือง
  • เศรษฐกิจ-สังคม
  • บทความ
    • บทความพิเศษ
    • ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม
    • วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • ซื้อสินค้า
  • ผังรายการ
  • ติดต่อโฆษณา
  • หน้าแรก
  • รายการสถานี
    • อรุณสวัสดิ์ ฟ้าวันใหม่
    • เล่าข่าวเด่น เล่นข่าวดัง
    • ฟ้าวันใหม่นิวส์
    • สนามข่าวโซเชียลฯ
    • ข่าวฟ้ายามเย็น
    • บ้านเมืองของเรา
    • ฟ้าทะลายโจร
  • การเมือง
  • เศรษฐกิจ-สังคม
  • บทความ
    • บทความพิเศษ
    • ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม
    • วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • ซื้อสินค้า
  • ผังรายการ
  • ติดต่อโฆษณา

บ้านเมืองของเรา

ฝันของผู้ใหญ่ที่หลอกใช้เด็ก

18 กุมภาพันธ์ 2564

เผยแพร่: 18 ก.พ. 2564 09:12   ปรับปรุง: 18 ก.พ. 2564 09:12   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ

          ไม่กี่วันก่อนสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ศาสดาของคนรุ่นใหม่ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ตอนนี้ ไม่ว่าจะประเมินอย่างไร ต้องบอกว่า เรายังไม่พร้อม ยังมีคนจำนวนมหาศาลที่ยังไม่เอาด้วยกับเรา นอกจากนี้ เฉพาะหน้า มีเพื่อนเราถูกจับ ไม่ให้ประกัน เราต้องยึดมั่นในใจไว้ให้ดี การปะทะตอนนี้ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น

สิ่งที่สมศักดิ์โพสต์นั้นไม่ผิดหรอก เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ได้เอากับม็อบ 3 นิ้ว ณ เวลานี้ ที่สำคัญการแสดงออกของม็อบส่วนใหญ่สะท้อนชัดเจนว่า กำลังเหิมเกริมและคิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกต้อง ที่ทุกฝ่ายจะต้องรับฟังและยอมศิโรราบ ถ้าเราเห็นการแสดงออกของแกนนำม็อบแต่ละคนที่แสดงออกราวกับว่า พวกเขาเป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์ของแผ่นดินนี้

ไม่ว่าอานนท์ นำภาหรือเพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ที่อยู่ในคุก มาถึงไมค์ ระยอง รุ้ง ปนัสยา มาจนถึงโตโต้ หัวหน้าการ์ดวีโว่ ฯลฯ บัดนี้ถ้าจะว่าพวกเขากำลังหลงตัวเองว่าเป็นผู้นำสังคมคล้ายกับเป็นผู้ปกครองประเทศนี้ก็ว่าได้ อาจเพราะมีคนห้อมล้อมราวกับมีองครักษ์คอยปกปักรักษาบุคคลสำคัญ อาจเพราะถูกผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งให้ท้ายว่า สิ่งที่ทำอยู่นั้นถือเป็นวีรกรรมที่ประเสริฐสุด ที่คนช่วงวัยนี้จะเคลิบเคลิ้มจนหลงลืมตัวได้ง่าย

คิดดูสิเด็กอายุ 20 กว่าต้นๆ จะไม่ลำพองใจได้อย่างไรเมื่อถูกยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษวีรชนเป็นผู้นำ ง่ายมากเลยที่จะหลงนึกว่าวันนี้ตัวเองกำลังเป็นนักปฏิวัติแบบจิตร ภูมิศักดิ์ หรือเช กูวารา มันเป็นอะไรที่โก้และทำให้หัวใจพองโตจนเห็นช้างตัวเท่าหนู

หากใครติดตามการชุมนุมของพวกเขาจะเห็นมวลชนที่ร่อยหรอลงทุกวัน และเป็นไปในลักษณะที่ไม่สามารถควบคุมกันได้เลย ที่สำคัญมวลชนกลุ่มหนึ่งก็พร้อมใช้ความรุนแรงและพร้อมที่จะตอบโต้กับเจ้าหน้าที่ด้วยความรุนแรง และเห็นชัดว่า แกนนำเองก็ไม่มีทักษะในการควบคุมฝูงชน และไม่มีบารมีพอที่จะทำให้มวลชนเชื่อฟังได้

แถมคำพูดคำจาบนเวทีก็ก้าวร้าวท้าทายหยาบคายและหมิ่นเหม่ต่อองค์พระมหากษัตริย์ทั้งองค์ปัจจุบันและพระองค์ก่อน ราวกับพระองค์ไม่เคยทำประโยชน์ให้กับชาติบ้านเมือง คำพูดคำจาเหล่านั้น เข้าข่ายดูหมิ่น หมิ่นประมาทตามมาตรา 112 แต่เมื่อรัฐใช้มาตรการทางกฎหมายเข้ามาจัดการ คนเหล่านี้ก็จะกล่าวหาว่า รัฐใช้กฎหมายมาตรา 112 มากลั่นแกล้งรังแก

แน่นอนว่าคนเหล่านี้มีผู้ใหญ่จำนวนหนึ่งที่คอยหนุนหลังให้ท้าย และคอยเคลื่อนไหวปกป้อง เหมือนเช่นที่อาจารย์และนักกฎหมายออกมาเคลื่อนไหวหลังจากแกนนำ 4 คนไม่ได้รับการประกันตัว เพียงแต่ผู้ใหญ่เหล่านี้ไม่กล้าหาญพอที่จะออกมาเดินบนถนนด้วยตัวเอง แต่ใช้ความเด็กของแกนนำม็อบมาอำพรางเป้าหมายที่ซ่อนเร้นของตัวเอง

ผู้ใหญ่เหล่านี้ผลักให้เด็กเดินหน้าไปเรื่อยๆ ด้วยความคึกคะนอง โดยไม่สนใจกฎหมายและกฎเกณฑ์ของสังคม เพราะเชื่อว่ารัฐไม่กล้าที่จะใช้ไม้แข็งกับเด็กๆ ที่ถูกปลุกปั่นให้ออกมานำหน้าม็อบ และคอยส่งเสียงเชียร์ว่า สิ่งที่ม็อบและแกนนำของม็อบกระทำอยู่นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เป็นเรื่องของประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพที่พึงจะกระทำได้ โดยไม่ใส่ใจว่าสังคมทั้งสังคมเห็นด้วยกับสิ่งที่กระทำหรือไม่

พวกผู้ใหญ่บางคนกล่อมเกลาให้ม็อบเชื่อว่า พวกเขากำลังยืนอยู่ในฝ่ายที่ถูกต้อง เป็นสากล เป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่ทั่วโลกคอยจับตาและให้การสนับสนุน พวกตรงกันข้ามเป็นพวกดักดาน เป็นสลิ่มที่โง่เขลาเบาปัญญาที่ยอมอยู่ใต้อำนาจของพวกศักดินา มองคนในสังคมอีกครึ่งหนึ่งเป็นพวกที่น่ารังเกียจ เป็นพวกไม่มีความคิด เป็นพวกหลงผิด

ในขณะที่คนส่วนใหญ่พากันใช้ความอดทนอย่างถึงที่สุดต่อท่าทีที่ก้าวร้าว และหมิ่นแคลนสิ่งที่พวกเขาศรัทธา เพราะไม่อยากเห็นความรุนแรงเกิดขึ้นและมองว่าแกนนำและเด็กเหล่านี้เป็นเพียงเครื่องมือของผู้ใหญ่บางคนที่ยุยงให้ออกมา หรือถูกผู้ใหญ่บางคนปลุกปั่นจนคิดว่าสิ่งที่ตัวเองกระทำอยู่นั้น เป็นการแสดงออกที่เสียสละเพื่อชาติบ้านเมืองและพวกเขากำลังเป็นฮีโร่ที่ลุกขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง

ตอนนี้คนหนุ่มสาวและเด็กหลายคนที่ออกมาร่วมชุมนุมต่างพากันคิดว่าตัวเองกำลังทำภารกิจทางประวัติศาสตร์ และยิ่งมีอาจารย์มหาวิทยาลัยที่บ่มเพาะความคิดความเชื่อให้พวกเขาท้าทายกฎเกณฑ์ของสังคมด้วยแล้ว ย่อมไม่มีความคิดเลยว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิด มองเห็นแต่ว่านี่เป็นความถูกต้องและภารกิจที่จะต้องกระทำ

ยิ่งคิดแบบนั้นยิ่งทำให้พวกเขาใช้ความรุนแรงแข็งกร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมือง กระทั่งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยพากันตั้งคำถามว่า คนเหล่านี้หรือที่จะนำพาบ้านเมือง เพราะพวกเขาไม่ได้สะท้อนทัศนคติที่เป็นความหวังของสังคมได้เลย มีแต่จะพาชาติบ้านเมืองไปพบกับหนทางที่ตีบตัน

นอกจากสมศักดิ์ เจียม แล้วจะมีสักกี่คนที่เตือนสติว่า สิ่งที่กำลังกระทำอยู่นั้นเป็นความสูญเปล่า เพื่อให้คิดว่าทำไมสังคมส่วนใหญ่เขาจึงไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ม็อบกำลังกระทำ มีใครบ้างที่จะเตือนม็อบและคนรุ่นใหม่เพื่อให้เห็นว่า สิ่งที่หวังว่าประชาชนจะลุกขึ้นมาปฏิวัติเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมและนำมาสู่ชัยชนะที่พวกเขาคาดหวังนั้นมีแต่เรื่องเพ้อเจ้อ เพราะในสังคมที่ประชาชนมีความเห็นแตกออกเป็นสองฝ่ายเช่นนี้ไม่มีทางที่อีกฝ่ายจะยอมให้ความคาดหวังของคนอีกฝ่ายหนึ่งเป็นจริงไปได้เลย

สิ่งเดียวที่มองเห็นก็คือ แกนนำม็อบนับวันจะมีคดีติดตัวเพิ่มมากขึ้น มีการกระทำผิดที่เป็นต่างกรรมต่างวาระกันที่ตำรวจกำลังทยอยนำสู่กระบวนการยุติธรรม คิดดูว่าจะมีรัฐไหนบ้างที่ยอมให้ประชาชนกลุ่มหนึ่งในประเทศลุกขึ้นมาท้าทายเพื่อเปลี่ยนแปลงระบอบของรัฐ เปลี่ยนแปลงประมุขของประเทศโดยที่ไม่มีความผิด

ยิ่งประเดี๋ยวม็อบเรียกร้องระบอบสาธารณรัฐ เดี๋ยวเรียกร้องระบอบคอมมิวนิสต์ด้วยแล้วมันยิ่งผูกมัดว่า ข้อเรียกร้องและการแสดงออกเหล่านั้น เป็นการแสดงออกที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐ ไม่ว่ากระทำในรัฐไหนแผ่นดินไหนก็ไม่มีวันที่ผู้ถืออำนาจรัฐจะยอมได้

แต่ได้ยินว่าผู้ใหญ่บางคนคอยกล่อมเกลาเด็กว่า แม้จะโดนคดีความมากแค่ไหนสุดท้ายแล้ว จะต้องจบด้วยการนิรโทษกรรมทางการเมืองเฉกเช่นกับความขัดแย้งทางการเมืองเกือบทุกครั้ง เพื่อให้เด็กยิ่งโหมกระพือความกล้าหาญอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมายบ้านเมืองยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะหวังว่า สุดท้ายจะจบลงแบบที่ไม่มีใครมีความผิดแล้วอภัยโทษกันไป

แม้สังคมไทยจะมีตัวอย่างแบบนั้นมาแล้วในอดีต และคนไทยเป็นคนที่สามารถให้อภัยลืมเลือนสิ่งที่เกิดขึ้นได้ง่าย แต่สำหรับผู้ใหญ่ที่ผ่านวันเวลามาแล้วไม่ว่าจะเป็นชาญวิทย์ เกษตรศิริ หรือนิธิ เอียวศรีวงศ์ การผลักดันให้เด็กออกมารับหน้าเพื่อตอบสนองตัณหาของตัวเองในวัยใกล้จากลานั้น นับเป็นความโหดเหี้ยมที่ไม่อาจให้อภัยได้ เพราะตัวเองรู้อยู่แล้วว่า สุดท้ายแล้วผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร

คนกลุ่มหนึ่งอาจฝันที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในแนวทางที่ตัวเองเชื่อ แต่ถ้าคนส่วนใหญ่ไม่เอาด้วยไม่มีทางหรอกที่ความฝันนั้นจะเป็นจริง

.

แชร์กับเพื่อน

  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

24 มิถุนายน 2565

เตรียมตัว! โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน จ่อเปิดรับผู้สนใจฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา 904 

อ่านต่อ
24 มิถุนายน 2565

การทรงงานของในหลวง 

อ่านต่อ
24 มิถุนายน 2565

ดร.นิว ขอบคุณ ‘สมศักดิ์เจียม’ ฉีกหน้ากากหัวหอกคณะราษฎร 

อ่านต่อ
24 มิถุนายน 2565

เปิดราคาที่สังคมไทยต้องจ่าย หาก ‘ทักษิณ’ กลับประเทศไทย! 

อ่านต่อ
22 มิถุนายน 2565

ปลื้มปีติ ‘ในหลวง’ พระราชทานปริญญาบัตรให้บัณฑิตที่หายป่วยโควิดเป็นกรณีพิเศษ 

อ่านต่อ
22 มิถุนายน 2565

‘ผู้พันเบิร์ด’ เล่า ‘ร.10’ ทรงงานแบบประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

อ่านต่อ
Facebook Youtube Line
บริษัทบลูสกายแชนแนล
  • 2170 อาคารกรุงเทพทาวเวอร์ ชั้น 8
    แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง
    กรุงเทพมหานคร 10310
  • 02-308-0020
line-logo-100
Copyright © 2021