18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 เวลา 10:20 น.
เมื่อเวลา 08.50 น. ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 2 วันที่ผ่านมา ว่า ในภาพรวมเรายังยืนยันความเข้มข้นและเข้มแข็ง ให้เป็นไปตามหลักฐานและเหตุผลที่นำมาอภิปรายตามทที่ได้ยื่นญัตติไป โดยจะอภิปรายอย่างมีวุฒิภาวะ ยึดตามข้อบังคับ และรัฐธรรมนูญ และได้ให้กำลังใจผู้ที่อภิปรายไปแล้ว รวมถึงคนที่กำลังจะอภิปราย ขอให้มีสมาธิอย่าหวั่นไหว อย่าได้กังวลต่อการประท้วง หรือการเสียดสี เหล่านี้อย่าได้หลงกล
ที่ผ่านมาเชื่อว่า ส.ส. ของพรรคทำได้ดี เช่น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ที่พอโดนยั่วโมโห ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือสิ่งที่อภิปราย จะเห็นว่าไม่ได้โต้ตอบอะไร เรายังยึดในผลประโยชน์ของชาติและประชาชน อย่างเรื่องวัคซีน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ตอบไม่ค่อยตรงคำถามกับสิ่งที่เราพยายามพูดไป เรื่องการทุจริต เรื่องการเอื้อประโยชน์นายทุน การใช้นิติรัฐนิติธรรมไปเอื้อพวกพ้องของตนเอง การบริหารงานล้มเหลว ทั้งเรื่องวัคซีน แรงงานการลงทุน เศรษฐกิจ โดยในการอภิปรายวันนี้จะพูดเรื่องการทุจริตเชิงนโยบาย การใช้อำนาจของรัฐในการเอื้อนายทุน เอื้อพวกพ้องของตนเองจนทำให้ประเทศชาติเสียหาย
นายพิธา กล่าวว่า ส่วนกรณีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล มีคำถามต่อเรื่องของภาษี การไม่จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟของนายกฯ ซึ่งนายกฯไม่ได้ตอบโดยตรง นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ตอบโดยตรง เพราะเราไม่ได้พูดเรื่อง ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าเป็นนายกฯต่อได้หรือไม่ แต่เราพูดเรื่องศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้วินิจฉัยกรณีของค่าน้ำ ค่าไฟ ภาษี และการรับผลประโยชน์เกิน 3,000 บาท เมื่อถามไปไม่มีการตอบ แต่จะปิดตาด้วยกฎหมายแทน
จะเห็นได้ว่านายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี พยายามใช้พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์มาปิดปากนางอมรัตน์ ทั้งที่ความจริงแล้วเป็นเอกสิทธิ์ในการอภิปรายของ ส.ส. ตนได้คุยกับนางอมรัตน์แล้วว่าในฐานะหัวหน้าพรรคจะยืนเคียงข้างกับลูกพรรค ดังนั้น ให้นางอมรัตน์รีบไปรับคำร้องมา จะได้รู้ว่าถูกร้องทุกข์กล่าวโทษอย่างไร เพื่อจะได้ให้ทีมกฎหมายของพรรคเตรียมต่อสู้ด้วยข้อกฎหมาย แต่ตอนนี้ที่เราสามารถทำได้ทันทีคือ จะถามไปยังผู้เสียหายโดยตรง คือนายกฯ ว่าเห็นด้วยกับการกระทำอย่างนี้หรือไม่ และได้มอบอำนาจไปหรือไม่ เพราะการกระทำแบบนี้คิดว่ามันไม่สง่างามสำหรับชายชาติทหาร และกับคนเป็นนายกฯ ที่จะทำอย่างนี้กับส.ส.ที่เป็นสุภาพสตรี
นายพิธา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สำหรับการอภิปรายที่เหลืออีก 2 วัน พวกเราไม่กลัว ไม่หวั่น จะตั้งใจทำงานสู้เต็มที่ทุกเรื่อง และได้บอกส.ส.ทุกคนในพรรคไปแล้ว ว่าไม่ต้องห่วง หัวหน้าพรรคและทีมกฎหมายยืนอยู่ตรงนี้ ถ้าได้เห็นคำร้องชัดเจนว่าเป็นการร้องทุกข์หรือกล่าวโทษ ทีมกฎหมายพร้อมจะใช้กฎหมายต่อสู้กลับทันที ยืนยันในเอกสิทธิ์ของ ส.ส.ที่จะต้องทำหน้าที่อภิปราย ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินตามญัตติที่ได้ยื่นไป
“2 วันแรกก็ประท้วงหนักไปแล้ว พอแล้ว ส่วนวันที่ 3 วันที่ 4 ที่เหลือนี้ ถ้ายังจะประท้วงอีก ก็ขอให้ประชาชนรู้ไว้เลยว่า นี่คือเกมทางการเมืองแบบเก่า ที่จะใช้ทำลายสมาธิผู้อภิปราย”
เมื่อถามว่า พรรครอบคอบแค่ไหนในประเด็นเกี่ยวกับสถาบัน ได้มีการกำชับอะไรหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ยังยืนยันว่านี่คือการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯและรัฐบาล ดังนั้น การจะพูดอะไรเรายึดตามญัตและข้อบังคับ โดยยืนยันว่าเรามีวุฒิภาวะด้วยเหตุด้วยผล และไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งวุฒิภาวะคนมาเป็นผู้แทนราษฎร เราไม่ตระหนกกลัว แต่จะทำหน้าที่เต็มที่ ส่วนการให้คะแนนในภาพรวมนั้นต้องให้ประชาชนให้คะแนนเอง แต่ในนามหัวหน้าพรรคถือว่าเกินความคาดหวังที่ทุกคนทำงานอย่างหนัก
เมื่อถามว่า หากการอภิปรายเข้าเรื่องสถาบัน และมีคนข้างนอกจับจ้องเพื่อฟ้องร้องนั้น นายพิธา กล่าวว่า ย้ำว่าเราไม่ได้อภิปรายสถาบัน แต่อภิปรายนายกฯ รัฐบาลและวิธีปฎิบัติของรัฐบาบาล ส่วนการจะฟ้องร้องก็เป็นสิทธิ แต่ก็ต้องถามกลับว่าเสียหายเพราะอะไร ซึ่งเราต้องสู้การฟ้องปิดปากกลั่นแกล้งหรือไม่ แต่ยืนยันเป็นเหตุเป็นผล มีวุฒิภาวะ และไม่ทำให้สถาบันเสียหายแน่นอน
ภาคต่อ ต่าย ชุติมา เปิดใจเรื่องลับสามี 10 ปีชีวิตรัก ในวันที่เดินออกมาถูกแอบติด GPS ใต้รถ
โดย SARANYA SAWANGJAI 12 มิถุนายน 2562
หลังจากที่เมื่อวานนี้ (11 มิ.ย.) เราได้มีการนำเสนอบทสัมภาษณ์ของดาราสาว ต่าย ชุติมา – ทีปะนาถ ที่ออกมาเปิดใจทุกเรื่องผ่านรายการ THAIRATH TALK ตอบทุกคำถามที่สังคมสงสัย ติดยา -ติดปาร์ตี้- มีคนใหม่ ความขัดแย้งสาเหตุที่ทำให้เลิกรากับสามีตามที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด รายการ THAIRATH TALK ได้มีการเผยแพร่คลิปสัมภาษณ์ ต่าย ชุติมา ที่เป็นภาคต่อจากคลิปก่อนหน้าระบุว่า “ตอน 2 เรื่องลับ สามี 10 ปี ชีวิตรัก ผลกระทบลูก ต่าย ชุติมา ภรรยา ทิม พิธา” โดย ต่าย ชุติมา ได้เผยถึงเรื่องราวความรักในครั้งนี้ก่อนเกิดมรสุมดราม่าครอบครัวเอาไว้ว่า “คบกันได้ประมาณ 3-4 ปี ก็แต่งงาน โดยคุณทิมเป็นคนตัดสินใจว่าจะแต่ง ปกติเขาเป็นคนนำตลอด คอยแนะนำว่าชีวิตควรไปทางไหน ตอนนั้นรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้จริงจังดี ไม่ได้คบเราเล่นๆ”
“เขาเป็นคนโรแมนติก ดูแลเราเหมือนคนรักกันปกติ เรื่องที่ประทับใจในตัวเขาก็น่าจะเป็นตอนแต่งงาน เขาเป็นคนเซอร์ไพรส์ไม่เป็น ตอนคุกเข่าขอเราแต่งงานเลยถือเป็นการเซอร์ไพรส์ครั้งแรกและครั้งเดียวที่เขาทำ”
ต่าย ชุติมา เผยชีวิตใต้ข้อบังคับของสามีหลังแต่งงาน โดยบอกว่า “คุณทิมขอไม่ให้คบเพื่อนที่เป็นเกย์ หรือทอม หรือคนที่ลักษณะภายนอกไม่ใช่ผู้หญิง ไปคุยด้วยหรือไปอะไรด้วยก็ไม่ได้ ด้วยเหตุผลว่า มันไม่เหมาะ
ที่ผ่านมาเวลาเขาขออะไร เราจะไม่ถามหาเหตุผลว่าทำไม ถ้าเป็นเรื่องที่ทำให้ได้ เราก็จะทำ เพื่อให้ชีวิตคู่มันไปต่อได้”
ปัญหาสะสม นำไปสู่การหย่า ช่วงที่ชีวิตคู่มีปัญหาคือช่วงที่คุณทิมออกจากงาน เขาก็เครียด ซึ่งเราก็เข้าใจ แต่พอเขาเครียดเยอะแล้วเราจะต้องเป็นคนซัพพอร์ตของเขาตรงนั้น ทำให้เริ่มมีผลกระทบกับลูก เพราะเรากลายเป็นแม่ที่อารมณ์ไม่คงที่
เรื่องเล็กๆ ที่สะสมมา ทำให้ความอดทนสิ้นสุดลงได้ อย่างเช่น “เราชมพระเอก Iron Man ว่าเซ็กซี่จังเลย ก็ไม่ได้ ซึ่งเราได้กราบขอโทษไปแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ยังถึงมาผู้ใหญ่ และมีเรื่องเล็กมากๆ ทำนองนี้มาเรื่อยๆ จนทำให้เราเสียสุขภาพจิต บั่นทอนไปเรื่อยๆ”
ลูกรับรู้ได้ว่าพ่อแม่มีปัญหากัน “เขาจะคอยถามว่าทำไมหม่าม๊าไม่อยู่ที่บ้าน หรือตอนนี้คุณพ่อไปไหน เคยคิดว่าเราต้องอดทนอยู่ให้ได้เพื่อลูก เพื่อที่จะให้ลูกได้มีครอบครัวที่พร้อมหน้า ก่อนย้ายออกมาก็ได้มีการถามตัวเอง ถามผู้ใหญ่ ถามคุณหมอ ว่าเราทำแบบนี้ถูกต้องหรือยัง เราเห็นแก่ตัวไหม สิ่งที่เราเจอเป็นสิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งสมควรได้รับหรือเปล่า มันเป็นเรื่องที่ถูกต้อง มันเป็นเรื่องที่ต้องทนไหม เรื่องปกติสำหรับครอบครัวอื่นไหม”
หลังเลิกกันมีคนแอบติด GPS ใต้รถ “ตอนแรกก็ไม่รู้ แต่มาสงสัยว่าทำไมเขารู้ตลอดว่าเราไปไหน มีรูปตอนเราไปกับเพื่อนที่ร้านอาหารหลุดออกมา เลยไปให้อู่รถดู ก็พบกล่อง GPS อยู่ใต้ท้องรถ เราไม่ได้จะบอกว่าใครเป็นคนทำ แต่มันมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับเรา เรารู้สึกไม่ปลอดภัยในชีวิต”
“ที่บอกว่าความทุกข์ถ้ามันไม่ถี่มากเราก็ทนได้ เช่น เจอเรื่องร้ายๆ สักอาทิตย์ละครั้ง เราก็พอให้มันผ่านไป แต่ถ้าต้องเจอวันละ 3 ครั้ง เราก็ไม่สามารถอยู่กับมันได้แล้วไม่ไหวแล้ว เราเป็นห่วงรู้สึกลูกด้วย ถ้าลูกจะต้องโตขึ้นมาโดยที่แม่เป็นคนไม่ดี การที่มันมีข่าวเท็จ ข่าวลวงในสังคม เรารู้สึกว่าลูกไม่สมควรได้รับอะไรแบบนี้ เขาควรเติบโตขึ้นมาพร้อมกับความกระจ่าง ความจริงว่าแม่เขาไม่ได้เป็นแบบที่ข่าวออกมา เพื่อลูกเราต้องทำทุกอย่างให้ได้ เพียงแต่วันนี้ม่าม๊าขอโทษเพราะมันถึงที่สุดแล้ว (ร้องไห้) แต่หม่าม๊าสัญญาว่าจะดูแลหนูให้ดีที่สุดเท่าที่แม่คนหนึ่งจะทำได้ โดยไม่ให้หนูรู้สึกขาดเลย”
หากย้อนเวลากลับไปแก้ไขความรักในครั้งนี้ได้ ต่าย ชุติมา เผยว่า “ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะสื่อสารพูดคุยกันให้มากกว่านี้ ก่อนที่มันจะสายเกินไป เพราะที่ผ่านมาเราแก้ปัญหาโดยการตามเขา แล้วแต่เขาทุกอย่าง”
โดย ต่าย ชุติมา กล่าวปิดท้าย ถึงเรื่องกลับไปจูนกับสามีอีกครั้งโดยไม่ต้องหย่า “เลิกคิดเรื่องนี้ไปนานแล้ว ตอนนี้คิดแค่อยากให้เป็นพ่อแม่ที่ดีของลูก ลูกมีความสุขมากเวลาจับมือหม่าม๊าข้างนึง จับมือพ่อข้างนึง อยากมีวันนั้นให้ลูกอาทิตย์ละครั้ง เป็น family day เพราะรู้สึกได้ว่าลูกดูมีความสุขมากที่ได้อยู่กับโมเมนท์นั้น”
ขอบคุณ : ลำนำเดอะบิทช์
.