Skip to content
  • หน้าแรก
  • รายการสถานี
    • อรุณสวัสดิ์ ฟ้าวันใหม่
    • เล่าข่าวเด่น เล่นข่าวดัง
    • ฟ้าวันใหม่นิวส์
    • สนามข่าวโซเชียลฯ
    • ข่าวฟ้ายามเย็น
    • บ้านเมืองของเรา
    • ฟ้าทะลายโจร
  • การเมือง
  • เศรษฐกิจ-สังคม
  • บทความ
    • บทความพิเศษ
    • ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม
    • วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • ซื้อสินค้า
  • ผังรายการ
  • ติดต่อโฆษณา
  • หน้าแรก
  • รายการสถานี
    • อรุณสวัสดิ์ ฟ้าวันใหม่
    • เล่าข่าวเด่น เล่นข่าวดัง
    • ฟ้าวันใหม่นิวส์
    • สนามข่าวโซเชียลฯ
    • ข่าวฟ้ายามเย็น
    • บ้านเมืองของเรา
    • ฟ้าทะลายโจร
  • การเมือง
  • เศรษฐกิจ-สังคม
  • บทความ
    • บทความพิเศษ
    • ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม
    • วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • ซื้อสินค้า
  • ผังรายการ
  • ติดต่อโฆษณา

บ้านเมืองของเรา

‘วัฒนา’ร่อนจม.เปิดผนึกถึง‘บิ๊กตู่’ แนะ 5 ข้อแก้โควิด จี้เปิดเสรีนำเข้าวัคซีน

19 พฤษภาคม 2564

วันพุธ ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2564, 09.21 น.

นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคไทยสร้างไทย โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “จดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี” มีเนื้อหาดังนี้…

จดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี

ผมเขียนจดหมายฉบับนี้ในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่มีความเป็นห่วงใยประเทศเหมือนกับท่านนายกและคนไทยทุกคน แต่ไม่ใช่ในฐานะฝ่ายค้านเพราะผมลาออกจากพรรคเพื่อไทยมานานแล้ว

สำหรับประเด็นที่ผมมีความห่วงใยเป็นพิเศษคือปัญหาเศรษฐกิจ เพราะฐานะทางการคลังของประเทศไม่ได้มีความเข้มแข็งที่จะทำให้เราสามารถทนอยู่กับสภาพแบบนี้ได้นานๆ ท่านนายกจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการควบคุมและแก้ปัญหาโควิด-19 เพื่อเร่งให้จีดีพีขยายตัวอันทำให้หนี้สาธารณะต่อจีดีพีลดลงอยู่ในกรอบความยั่งยืนทางการคลัง ทำให้เครดิตของประเทศดีขึ้นซึ่งสามารถทำไปพร้อมๆ กันได้

 หัวใจสำคัญของการแก้ไขปัญหาทุกเรื่องคือการแก้ที่ต้นตอของปัญหาอันเป็นไปตามหลักธรรมอริยสัจ 4 เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น (trust) อันจะนำมาซึ่งความมั่นใจ (confidence) ในการจับจ่ายใช้สอยและลงทุน

จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2564 ธนาคารพาณิชย์ในประเทศมีเงินฝากทั้งสิ้น 14.799 ล้านล้านบาท ลดลงจากสิ้นปี 2563 ประมาณ 200,000 ล้านบาท ที่น่าสนใจคือส่วนที่เป็นบัญชีเงินฝาก 50-100 ล้าน จำนวน 900 บัญชี มูลค่า 890,310 ล้านบาท บัญชีเงินฝาก 100- 200 ล้าน จำนวน 423 บัญชี มูลค่า 781,911 ล้านบาท บัญชีเงินฝาก 200-500 ล้านบาท จำนวน 196 บัญชี มูลค่า 1,007,240 ล้านบาท และบัญชีเงินฝาก 500 ล้านบาทขึ้นไปจำนวน 88 บัญชี มูลค่า 2,468,704 ล้านบาท รวมแล้วเป็นเงิน 5,148,165 ล้านบาท หรือประมาณ 1/3 ของจีดีพี บัญชีที่มีมูลค่ามากขนาดนั้นน่าจะเป็นของนักลงทุนซึ่งหากมั่นใจนำมาลงทุนจะทำให้จีดีพีขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญ

ตัวเลขเงินฝากจำนวน 14.799 ล้านล้านบาท ที่ผมกล่าวข้างต้นจะเป็นคุณหากรัฐบาลแก้ไขปัญหาถูกเพราะเงินจำนวนนี้มากเพียงพอที่จะไหลไปสู่การจับจ่ายใช้สอยและลงทุน แต่หากรัฐบาลไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ตัวเลขนี้จะสร้างปัญหาแทน เพราะธนาคารพาณิชย์จะต้องแบกภาระดอกเบี้ยจนต้องเอาสภาพคล่องส่วนเกินไปฝากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยที่เรียกว่า “ธุรกรรมรับฝากเงิน ณ สิ้นวัน” (Standing Deposit Facilities) ซึ่ง ธปท จะต้องจ่ายดอกเบี้ยระยะข้ามคืน (Overnight Deposit) ในอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดร้อยละ 0.5 ต่อปี

ผลคือทั้งธนาคารพาณิชย์และ ธปท จะต้องมารับภาระดอกเบี้ยเพราะคนไม่เชื่อมั่นไม่มีการลงทุนทำให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยกู้ไม่ได้จนเกิดภาวะที่เรียกว่ากับดักสภาพคล่อง (Liquidity Trap) อันเป็นเหตุให้รองนายกท่านหนึ่งออกมาเรียกร้องคนไทยให้ไปถอนเงินมาใช้เพื่อกระตุ้นจีดีพีซึ่งก็ถูกของท่าน แต่ท่านคงลืมไปว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเป็นหลังจากคนไทยเกิดความเชื่อมั่นแล้ว

ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้คือคนบนโลกใบนี้และคนไทยทุกคนกำลังกลัวตายเพราะไวรัสที่ชื่อว่าโควิด-19 จึงพร้อมใจกันหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพื่อรักษาชีวิต ดังนั้น ท่านนายกจะต้องแก้ปัญหาด้วยการทำให้คนไทยหยุดกลัวตายด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์อันเป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอของปัญหา ซึ่งหัวใจสำคัญคือวัคซีนและเครื่องมือที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบและป้องกันไวรัสดังกล่าว หากคนไทยมั่นใจหยุดกลัวตายก็จะออกมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัว ผมจึงมีความเห็นขอเสนอแนะรัฐบาล ดังนี้

(1) รัฐบาลและทุกฝ่ายควรร่วมมือกันกระตุ้นให้คนไทยทุกคนได้ฉีดวัคซีน เพราะผลสำเร็จของการฉีดวัคซีนตามเป้าหมายจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ (herd immunity) ที่นอกจากจะเป็นผลดีต่อสุขอนามัยของคนไทยด้วยกันเองแล้ว ยังจะสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับการท่องเที่ยวที่เป็นเครื่องจักรสำคัญทางเศรษฐกิจทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเป็นไปด้วยความรวดเร็วยิ่งขึ้น ส่วนรัฐบาลก็จะต้องสร้างความเชื่อมั่นเกี่ยวกับคุณภาพของวัคซีน จัดทำแผนการฉีดวัคซีนและอำนวยความสะดวกให้ประชาชนในการเข้าถึงซึ่งวัคซีนได้อย่างรวดเร็วและเป็นธรรม รวมทั้งการให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นจริงเพื่อหยุดความสับสนทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น

(2) เพื่อให้ประชาชนได้รับวัคซีนรวดเร็วยิ่งขึ้นอันจะนำมาซึ่งความเชื่อมั่น รัฐบาลควรเปิดเสรีและอำนวยความสะดวกให้ภาคเอกชนสามารถนำเข้าวัคซีนที่ได้รับการรับรองคุณภาพจากต่างประเทศแล้ว โดยยกเว้นภาษีนำเข้าและยกเว้นการจดทะเบียน อย. ระยะหนึ่ง ซึ่งท่านนายกสามารถทำได้โดยใช้อำนาจตาม พรก. ฉุกเฉิน มาตรา 11 (6) หรือ ครม. จะออกเป็น พรก. อีกฉบับก็ทำได้ วิธีการนี้จะทำให้คนไทยมีความเชื่อมั่นและได้รับวัคซีนเร็วขึ้น ส่วนคนไทยที่ไปฉีดวัคซีนเองรัฐบาลก็ควรจะคืนค่าฉีดต่อหัวที่ตั้งไว้ให้คนไทยทุกคนกลับไป

(3) รัฐบาลควรอำนวยความสะดวกและยกเว้นภาษีการนำเข้าเครื่องมือตรวจโควิด-19 แบบรวดเร็ว (Rapid Test) เพื่อให้ประชาชนสามารถใช้เป็นเครื่องมือตรวจสอบด้วยตัวเองได้อันจะเป็นการป้องกันและลดงานของภาครัฐลง

(4) ส่วนคลัสเตอร์คลองเตยซึ่งมีคนติดเชื้อจำนวนหนึ่ง จะต้องหาทางแยกคนติดเชื้อออกมาเพื่อให้คนที่ไม่ติดเชื้อได้ใช้ชีวิตและไปทำงานตามปกติ เพราะคนที่ไม่ติดเชื้อจำนวนเกือบหนึ่งแสนคนคือกำลังการผลิตที่สำคัญของประเทศ

(5) ในส่วนของแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านซึ่งมีความสำคัญยิ่งต่อภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และแรงงานในบ้านพักอาศัย นั้น แทนที่จะปล่อยให้มีการลักลอบเข้าประเทศอันจะนำมาซึ่งความไม่ปลอดภัยต่อคนไทยเองและก่อให้เกิดการทุจริตของเจ้าหน้าที่ รัฐบาลควรอำนวยความสะดวกให้เข้าประเทศได้ตามปกติโดยจัดการฉีดวัคซีนให้แรงงานเหล่านั้น ซึ่งจะทำให้คนไทยใช้บริการแรงงานเหล่านั้นด้วยความปลอดภัยและมั่นใจ รัฐบาลจะต้องระลึกว่าแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านไม่ใช่ภาระแต่เป็นหนึ่งของปัจจัยการผลิตอันจำเป็นที่จะมาช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ

ผมอาจจะไม่มีความแม่นยำในวิธีการทางด้านการสาธารณสุข แต่หัวใจสำคัญคือการทำให้ประชาชนได้รับวัคซีนที่ประชาชนเชื่อมั่นโดยเร็วที่สุด อันจะทำให้เกิดความมั่นใจและกลับมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเร็วเป็นผลดีต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ผมเชื่อโดยสุจริตว่าคนไทยทุกคนต้องการเห็นบ้านเมืองดีขึ้น

เพื่อให้บ้านเมืองกลับคืนสู่ความปกติโดยเร็ว ผมและพรรคไทยสร้างไทยพร้อมให้ความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจร่วมกัน แต่ทุกอย่างจะเกิดขึ้นได้รัฐบาลต้องทำให้คนไทยหายกลัวตายเป็นลำดับแรก เพราะตราบใดที่มนุษย์ยังกลัวตายไม่ว่าจะใส่เงินเข้าไปมากเท่าไรก็จะไม่เกิดผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ โดยหลายประเทศได้พิสูจน์แล้วความกลัวตายของมนุษย์มีมากกว่าความอยากได้ใคร่ดี (Macro fear is greater than macro greed) อย่างแน่นอน ข้อเสนอแนะดังกล่าวผมได้ความรู้และแรงจูงใจจากการอ่านบทความเรื่อง catch-22 ของอาจารย์พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ขอถือโอกาสนี้ขอบคุณอาจารย์ด้วยที่กรุณาให้ความรู้เสมอมา

ด้วยความปรารถนาดีและขอให้กำลังใจคนไทยทุกคนได้กลับมามีชีวิตปกติโดยเร็วครับ

วัฒนา เมืองสุข

พรรคไทยสร้างไทย

19 พฤษภาคม 2564

แชร์กับเพื่อน

  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

27 มิถุนายน 2565

นายกฯ อุ๊งอิ๊ง

อ่านต่อ
27 มิถุนายน 2565

มนต์ขลังของทักษิณ ที่ยังครอบงำสังคมไทย

อ่านต่อ
24 มิถุนายน 2565

เตรียมตัว! โรงเรียนจิตอาสาพระราชทาน จ่อเปิดรับผู้สนใจฝึกอบรมหลักสูตรจิตอาสา 904 

อ่านต่อ
24 มิถุนายน 2565

การทรงงานของในหลวง 

อ่านต่อ
24 มิถุนายน 2565

ดร.นิว ขอบคุณ ‘สมศักดิ์เจียม’ ฉีกหน้ากากหัวหอกคณะราษฎร 

อ่านต่อ
24 มิถุนายน 2565

เปิดราคาที่สังคมไทยต้องจ่าย หาก ‘ทักษิณ’ กลับประเทศไทย! 

อ่านต่อ
Facebook Youtube Line
บริษัทบลูสกายแชนแนล
  • 2170 อาคารกรุงเทพทาวเวอร์ ชั้น 8
    แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง
    กรุงเทพมหานคร 10310
  • 02-308-0020
line-logo-100
Copyright © 2021