Skip to content
  • หน้าแรก
  • รายการสถานี
    • อรุณสวัสดิ์ ฟ้าวันใหม่
    • เล่าข่าวเด่น เล่นข่าวดัง
    • ฟ้าวันใหม่นิวส์
    • สนามข่าวโซเชียลฯ
    • ข่าวฟ้ายามเย็น
    • บ้านเมืองของเรา
    • ฟ้าทะลายโจร
  • การเมือง
  • เศรษฐกิจ-สังคม
  • บทความ
    • บทความพิเศษ
    • ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม
    • วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • ซื้อสินค้า
  • ผังรายการ
  • ติดต่อโฆษณา
  • หน้าแรก
  • รายการสถานี
    • อรุณสวัสดิ์ ฟ้าวันใหม่
    • เล่าข่าวเด่น เล่นข่าวดัง
    • ฟ้าวันใหม่นิวส์
    • สนามข่าวโซเชียลฯ
    • ข่าวฟ้ายามเย็น
    • บ้านเมืองของเรา
    • ฟ้าทะลายโจร
  • การเมือง
  • เศรษฐกิจ-สังคม
  • บทความ
    • บทความพิเศษ
    • ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม
    • วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • ซื้อสินค้า
  • ผังรายการ
  • ติดต่อโฆษณา

บ้านเมืองของเรา

เดือดพลั่ก‘สิระ’สุดโหด!อัด‘เพนกวิน’คาคุก ซัดสวะโหวกเหวกเหนือผู้ต้องขังอื่น

17 มีนาคม 2564

วันอังคาร ที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2564, 14.31 น.

“สิระ” จวก “เพนกวิน”อดข้าว-ตะโกนเรียกร้องเหนือกว่าผู้ต้องขังคนอื่น ชี้ไร้ราคา เชื่อทำตัวก้าวร้าว หวังใช้เป็นแนวทางต่อสู้คดีว่าตนเองวิกลจริต 

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2564 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายสิระ  เจนจาคะ  ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ  ให้สัมภาษณ์กรณีนายพริษฐ์  ชีวารักษ์ หรือเพนกวินเขียนจดหมายวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายอาญา มาตรา 112  ในระหว่างเดินทางไปรับฟังคำสั่งศาลเมื่อวานนี้ว่า กฎหมาย มาตรา 112 ไม่ได้ทำความเดือดร้อนให้โคตรเหง้าของนายเพนกวิน หรือวงศ์ตระตระกูลของใครเดือดร้อน ยกเว้นตัวเองอยากจะละเมิดหรืออยากเอาอย่างวัฒนธรรมฝรั่ง แล้วก็บอกว่า ประเทศเหล่านั้นไม่มี แต่ประเทศไทยมี

อย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า คนที่ปลุกปั่นเพนกวิน ส่วนมากก็จะมีเมียฝรั่ง พ่อเป็นฝรั่ง  ซึ่งหากเห็นว่า ประเทศเหล่านี้ดี แต่ถ้าคิดว่า ฝรั่งดี พวกลูกครึ่ง พวกเมียฝรั่ง พวกมีเมียฝรั่ง ก็กลับประเทศไป อย่าอยู่ประเทศไทย เห็นวัฒนธรรมฝรั่งดีก็กลับไป เพราะประเทศนี้ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ และมีกฎหมายมาตรา 112 ปกป้องสถาบัน ซึ่งไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้โคตรเหง้าเพนกวินเลย มีแต่เพนกวินเองที่เชื่อคนเหล่านี้ถึงได้ติดคุกติดตะราง และตอนนี้ก็มาอ้อนว่า จะต้องสอบ ซึ่งมันไม่ใช่ 

ส่วนที่เพนกวินบอกว่า จะอดข้าวประท้วงจนกว่าจะได้รับการประกันตัวนั้น นายสิระย้อนถามว่า เพนกวินเป็นใคร ในขณะที่ผู้ต้องขังในเรือนจำมีหลายแสนคนไม่เห็นเรียกร้องอะไร และตอนนี้ศาลก็มีหมายขังเพนกวิน “ถ้าเพนกวินจะไม่กินข้าว หรือจะกินข้าวเยอะก็เป็นเรื่องของเพนกวิน เพราะไม่ใช่บุคคลสำคัญ อย่าไปใส่ใจ ถ้าจะอดข้าวแล้วตายไปสักคน ประเทศก็อยู่ได้ เรือนจำก็ได้ลดค่าใช้จ่ายไปอีก 1 คน ถ้าปัญหาเยอะก็ตามสบายเลยเพนกวิน เอาที่สบายใจก็ให้อดไปเลย ถ้าเพนกวินอดข้าว ก็จะได้แบ่งข้าวให้ผู้ต้องขังคนอื่น และอย่าทำตัวตะโกนเรียกร้องเหนือกว่าผู้ต้องขังคนอื่นนะครับ ก็ดูแล้วมันไร้ราคานะครับ” นายสิระกล่าว  

เมื่อถามว่า พฤติกรรมที่นายเพนกวินกระทำต่อหน้าศาลในระหว่างฟังคำสั่งศาลอาญาเมื่อวานนี้(15มี.ค.) จะเรียกร้องให้ศาลดำเนินการอย่างไรนั้น นายสิระ บอกว่าเกินกว่าเยียวยา ขอถามไปยังสถาบันที่เพนกวินเรียนอยู่ได้อบรม ได้สอนอย่างถูกทางหรือไม่ ซึ่งนายเพนกวินคิดว่าที่อาจารย์สอนถูกทุกเรื่อง  เชื่อทุกเรื่อง แต่เห็นหรือไม่ว่าตัวอาจารย์เองออกมาทำผิดกฎหมายบ้างไหม ถ้าแน่จริงนะอาจารย์เดินนำหน้าเลย อย่าเป็นอีแอบ และอย่าสอนลูกหลานของชาวบ้านผิดๆ จบมาเอากฎหมายไปใช้ผิดๆอีก

นายสิระ ยังกล่าวถึงพฤติกรรมเข้าข่ายหมิ่นศาลของเพนกวิน ที่ชูสามนิ้วและโวยวายในห้องพิจารณาคดีว่า ตนคาดว่าอาจจะเป็นแนวทางการต่อสู้คดีก็ได้  เพราะแต่ละอย่างคนปกติเค้าไม่ทำกัน  อาจจะเป็นแนวทางการสู้คดีของเพนกวินว่าตัวเองเป็นคนไม่ปกติ เป็นคนวิกลจริตไป  เป็นคนบ้า โดยนายเพนกวินอาจจะต่อสู้ในชั้นศาลว่าตนเองวิกลจริต  เพื่อให้ได้รับข้อยกเว้นรับโทษตามกฎหมาย  

เมื่อถามว่า เพนกวินตะโกนว่า ฝากไปบอกเค้าว่า คุกขังความจริงไม่ได้ คิดว่า เพนกวินต้องการสื่อถึงอะไร  นายสิระ บอกว่า ความจริงมีอยู่อย่างเดียวในแต่ละเรื่อง แต่ที่คุกขังได้คือขังคนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย คนที่อยู่ร่วมกับคนปกติไม่ได้ เค้าถึงเอาไปขัง ไม่ให้ไปกระทบกับบุคคลภายนอกที่สุจริต เค้าปกติ คนเหล่านี้ที่เข้าไป เค้าก็ไม่ให้มาละเมิดประชนชนทั่วไปเท่านั้นเอง เค้าเป็นเพียงผู้ต้องขังตามหมายขังคนหนึ่งเท่านั้นเอง อย่าแสดงอะไรที่เกินกว่าคนธรรมดา เพนกวินเป็นเศษสวะคนหนึ่งเท่านั้น ถ้าจะฟ้องก็ฟ้องเลย 

เมื่อถามว่าเมื่อวานนี้ปรากฏภาพนักศึกษา มช.และทราย เจริญปุระ ไปร่วมกันทำวัตถุที่คล้ายธงชาติ ไม่มีสีน้ำเงินและเขียนข้อความหมิ่นสถาบันลงไปด้วยนั้น  นายสิระ บอกว่าก็บอกแล้วว่าคนเหล่านี้ไม่รู้ว่าเอาอะไรใส่ในสมอง พ่อแม่เคยสั่งสอนหรือไม่ เคยบอกไหมว่าสถาบันปกป้องประเทศมาอย่างไร ให้พ้นวิกฤตได้อย่างไร และเวลาวิกฤติเช่นพฤษภาทมิฬ ’35 สถาบันก็ทำให้บ้านเมืองสงบ และเวลาเกิดสงคราม สถาบันก็พาประเทศรอดพ้นจากการเป็นอาณานิคมคนอื่น ก็ไม่รู้ว่าโดนพ่อแม่อบรมสั่งสอนมาอย่างไร       

“เพนกวิน” ใกล้สติแตก ท้าทายศาลจบไม่สวย !?

เผยแพร่: 16 มี.ค. 2564 01:58   ปรับปรุง: 16 มี.ค. 2564 01:58   โดย: ผู้จัดการออนไลน์  //  เมืองไทย 360 องศา

ยังมีความเคลื่อนไหว มีกิจกรรมออกมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง สำหรับจำเลยในคดีดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามความผิด มาตรา 112 และความผิด มาตรา 116 รวมไปถึงความผิดอีกหลายข้อหา กรณีการชุมนุมปักหมุดท้องสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 กันยายน 2563

ล่าสุดเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา ศาลนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานในคดีที่อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นายอานนท์ นำภา น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ และ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ หรือ แอมมี่ ในคดีที่ถูกฟ้องร่วมกับแกนนำและแนวร่วมม็อบคณะราษฎร รวม 22 คน

โดยศาลไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าร่วมฟังการพิจารณาคดี พร้อมระบุว่า เป็นมาตรการป้องกันโรคระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ซึ่งการพิจารณาตรวจพยานหลักฐานในช่วงเช้ายังไม่แล้วเสร็จจะต้องพิจารณาต่อในช่วงบ่าย

อย่างไรก็ดี มีรายงานว่า บรรยากาศในห้องพิจารณาคดีเกือบจะมีความวุ่นวาย หลังจาก นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หนึ่งในจำเลย พร้อมด้วยจำเลยอีกหลายคนพยายามที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของศาล ที่ไม่อนุญาตให้มีการแถลงใดๆ ในที่เปิดเผย แต่ นายพริษฐ์ ก็ยังได้ประกาศถึงความอึดอัดใจ และแสดงความข้องใจที่ศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวระหว่างการพิจารณาคดี โดยยังอ้างถึงหลักการว่า ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะคดียังไม่มีคำตัดสิน พร้อมทั้งเปรียบเทียบกรณีของแกนนำ กปปส. ที่คดีมีการตัดสินแล้ว แต่ก็ยังได้รับการประกันตัว รวมถึงไม่มีการตัดผมอีกด้วย

โดย นายพริษฐ์ ยังได้ประกาศว่าจะอดข้าวประท้วงจนกว่าจะได้รับการประกันตัวออกมาต่อสู้คดี โดยระหว่างนี้ขอดื่มแต่น้ำเท่านั้น และยังมีรายงานว่า ในระหว่างนั้น มีมวลชนบางส่วนรู้สึกไม่พอใจและมีอารมณ์ร่วม ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ถึงกับขว้างขวดน้ำลงบนพื้น พร้อมกับกรีดร้องออกมาเสียงดัง

ที่น่าสนใจก็คือ มีคนที่นำเรื่องดังกล่าวมาเปิดเผยข้างนอก ก็คือ นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง หรือ ไบรท์ แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี หนึ่งในจำเลยทั้งหมด 22 คน ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลให้ประกันตัวออกมา เป็นคนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงเรื่องดังกล่าว

แน่นอนว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของบรรดา “ม็อบสามนิ้ว” พวกนี้ ก็ยังวนเวียนอยู่กับความเชื่อเดิมๆ ความมั่นใจของตัวเอง ขณะเดียวกัน กลับมองเปรียบเทียบคดีของอีกฝ่ายไปอีกแบบ ที่มีความหมายในลักษณะบิดเบือน หรือมีเจตนาเพื่อโจมตีศาลในทำนอง “สองมาตรฐาน” ไม่ให้ความเป็นธรรมกับพวกเขา โดยพยายามตอกย้ำในเรื่องของแกนนำ กปปส. ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาความผิดออกมาแล้ว และได้รับการประกันตัว

ขณะที่พวก “สามนิ้ว” พยายามยกข้ออ้างว่าคดีของพวกเขาเพิ่งจะเริ่ม บางคดีแค่เริ่มตรวจหลักฐานพยาน แต่กลับไม่ได้รับการประกันตัว จับไปขังคุก ไม่ได้รับความเป็นธรรม อะไรประมาณนั้น ซึ่งมีเจตนาพูดแบบฉาบฉวย หรือต้องการสื่อสารให้คนอื่นเห็นไปแบบนั้น

ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สาเหตุที่บรรดาแกนนำสามนิ้ว (บางคน) ไม่ได้รับการประกันตัวระหว่างการพิจารณาคดีนั้น มาจาก “พฤติกรรม” ที่ไม่ยอมหยุดกระทำในแบบเดิม หากเปรียบเทียบความหมายให้เข้าใจง่าย เช่น “หากปล่อยคนพวกนี้ออกไป เขาก็ยังไม่หยุดตีหัวพ่อที่หลายคนรัก” หรือยังไม่หยุดทำร้ายคนอื่น เป็นพฤติกรรมที่สร้างความเดือดร้อนวุ่นวายกับคนอื่น และที่ผ่านมา ศาลก็เคยอนุญาตให้ประกันตัวหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ยอมหยุด ยังประกาศท้าทายว่าจะทำแบบ “เบิ้มๆ” ต่อไป มันก็ต้องโดนแบบนี้ และที่สำคัญ มันเป็นดุลพินิจของศาลตามกระบวนการยุติธรรม

ขณะที่หากนำไปเปรียบเทียบกับกรณีของ แกนนำ กปปส. จะถูกจะผิดอย่างไรแล้วแต่มุมมอง แต่สิ่งที่ต้องยอมรับกัน ก็คือ พวกเขาไม่เคยกระทำผิดเงื่อนไขการประกันตัว รวมไปถึงไม่เคยมีพฤติกรรมจาบจ้วง ดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ศาลไม่ให้ประกันแกนนำสามนิ้ว เพราะหากปล่อยออกมาพวกเขาก็จะไม่หยุดจาบจ้วง ก่อม็อบเคลื่อนไหวตลอดเวลาเหมือนที่ผ่านมา

หรือเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในห้องพิจารณาคดีในศาลล่าสุด เมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่เกิดความวุ่นวาย นี่ก็ถือว่าเป็นการละเมิดศาลอย่างชัดแจ้งอีกด้วย

นอกจากนี้ ยังการโพสต์ในโซเชียลฯ มีการเผยแพร่จดหมายจำนวนสองหน้ากระดาษโจมตีศาลอย่างรุนแรง ซึ่งก็ต้องมีความผิดตามมาอีก แล้วแบบนี้จะโทษหรือโวยวายกับใคร

แม้ว่าในบางมุมจะพยายามเข้าใจว่า คนพวกนี้เป็นวัยรุ่น มีการเคลื่อนไหวขาดความยั้งคิด แต่ในเมื่อในวัยที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ตามกฎหมายก็ถือว่าเลยวัย “เยาวชน” ไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่ ไม่อาจ “ตีตั๋วเด็ก” ได้อีกต่อไป และอาการของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ ที่เกิดขึ้นไม่ต่างจากอารมณ์ของ “คนสติแตก” ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ อาจเป็นเพราะเครียดจากการถูกควบคุมในเรือนจำที่เป็นช่วงหน้าร้อน ประกอบกับตัวเองที่เป็นคนอ้วน น้ำหนักมาก มีการเคลื่อนไหวไม่สะดวก ก็เป็นได้

แต่ขณะเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากอารมณ์และสติแตกในวันนี้ ก็อาจจะโดนข้อหาละเมิดศาลเพิ่มเข้าไปอีก แล้วจะโทษใคร อีกทั้งการที่ประกาศว่าจะ “อดข้าวดื่มแต่น้ำ” นั้น ก็หวังว่า ไม่ใช่เป็นแผนเพื่อใช้เป็นข้ออ้างออกมารักษาอาการในโรงพยาบาลข้างนอก ตามที่หลายคนมองเอาไว้ล่วงหน้าหรือเปล่า !!

.

แชร์กับเพื่อน

  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

30 มิถุนายน 2565

เลือกตั้งครั้งหน้าพรรคไหนจะมาเป็นรัฐบาล 

อ่านต่อ
30 มิถุนายน 2565

หมอบกราบครู เพราะสำนึกในพระคุณของครู

อ่านต่อ
29 มิถุนายน 2565

พปชร.กับศึกเลือกตั้งที่รออยู่ วันที่ สมรภูมิรบไม่เหมือนเดิม

อ่านต่อ
29 มิถุนายน 2565

อย่าให้ผีเข้าสิง!

อ่านต่อ
28 มิถุนายน 2565

“นักเลือกตั้ง”ดีลย้ายค่ายพรรคร่วม-ฝ่ายค้าน วิกฤติ “3 ป.-พลังประชารัฐ”

อ่านต่อ
28 มิถุนายน 2565

จังหวะก้าวเดินเกมของ ทักษิณ ชินวัตร

อ่านต่อ
Facebook Youtube Line
บริษัทบลูสกายแชนแนล
  • 2170 อาคารกรุงเทพทาวเวอร์ ชั้น 8
    แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง
    กรุงเทพมหานคร 10310
  • 02-308-0020
line-logo-100
Copyright © 2021