รายการบ้านเมืองของเรา 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2565
เวลา 18.00-19.00 น. ดำเนินรายการโดย จิตกร บุษบา และ นฤมล พุกยม
เผยแพร่: 28 ก.ค. 2565 21:30 ปรับปรุง: 28 ก.ค. 2565 21:30 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
วิตกจริต!? “สามนิ้ว” ผลักไส “ฮาตาริ” อยู่ฝั่งตรงข้าม เพียงเพราะ บริจาค 900 ล้าน ให้ “มูลนิธิรามาธิบดี”ในวันสำคัญ “เพจดัง” เปิดภาพเบื้องหลัง ฝ่ายค้านเมียนมา ถูกประหาร อาวุธเพียบ “โบว์” ซัด จับใส่ดำ “บิดเบือน”
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (28 ก.ค. 65) เว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย โพสต์ประเด็นสามนิ้ว วิตกจริต!? ผลักไส “ฮาตาริ” อยู่ฝั่งตรงข้ามทางการเมือง เพียงเพราะ บริจาคเงิน 900 ล้าน ให้มูลนิธิรามาบดีฯ โดย XXPiYaXX
เนื้อเรื่องระบุว่า สืบเนื่องจากกรณี นายจุน วนวิทย์ หรือ อากงจุน ผู้ก่อตั้งฮาตาริ และครอบครัว ได้ร่วมบริจาคเงิน 900,000,000 บาท แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยมี ศาสตราจารย์ นายแพทย์ปิยะมิตร ศรีธรา คณบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี และ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ นายแพทย์ภาวิทย์ เพียรวิจิตร รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นตัวแทนร่วมรับมอบ
ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องราวดีๆที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ถูกแชร์ไปในโซเชียลจำนวนมาก ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาอนุโมทนากับการบริจาคเงินจำนวนมหาศาลในครั้งนี้ ซึ่งสามารถรักษาและช่วยชีวิตผู้คนได้อีกมากมาย
แต่แล้วดูเหมือนว่า คนดีในสังคมจะต้องมีมารมาผจญ เมื่อมีกลุ่มคนคลั่งการเมืองฝั่งสามนิ้ว เริ่มเข้ามาโจมตี นายจุน และครอบครัว ว่า ทำไมต้องบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ ถึงขนาดผลักใสให้อยู่อีกฝั่งในทางการเมืองทันที
โดยเพจสาธารณะ The METTAD ได้โพสต์เรื่องดังกล่าวซึ่งมีรายละเอียดว่า
มีคนบริจาคให้มูลนิธิของโรงพยาบาล กระแสในเฟซมี 2 ทาง
– คนปกติ 1 อนุโมทนา ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งดี โอกาสหน้าจะอุดหนุน
– คนปกติ 2 ทำไมต้องมูลนิธินี้ผลักเป็นสลิ่ม และพิมพ์อะไรคลุ้มคลั่งอีกยาวยืด
ทำให้มีประชาชนจำนวนมากต่างเกิดความไม่พอใจ ที่พยายามผลักคนที่ช่วยเหลือสังคมให้เลือกฝั่งทางการเมือง โดยมีรายละเอียดว่า
“ถ้าหาก Hatari บริจาคให้โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ มันคงจะเต้นหนักกว่านี้นะครับ”
“ก็มีแต่พวกสัตว์นรก 3 กีบ ที่เดือดดาลกับคนทำบุญ”
“คนไม่ปกติคือคนที่แยกแยะไม่ออกว่า เงินบริจาคทำเพื่อใคร เพื่อประโยชน์อะไร ไม่ว่าแหล่งที่มาของเงินมาจากกลุ่มใครก็ตาม
ปล. ต่อให้กีบบริจาค คนปกติก็ควรร่วมอนุโมทนาบุญด้วยเช่นกัน”
“คนที่สอง น่าจะวิกลจริตนะ”
“ไอ้ปกติที่ 2 มันนร้อนๆ นะครับ”
“คนไม่ปกติ 3 เป็นพวกเห็นแก่ตัว เป็นพวกที่จะเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวเองอย่างเดียว แถมอิจฉา เวลาคนอื่นทำประโยชน์ หรือทำเรื่องดีให้สังคม ต้องออกมาดิสเครดิตกัน”
ขณะเดียวกัน เว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย ยังโพสต์ประเด็น เห็นแล้วถึงกับอึ้ง!? เพจดังเปิดภาพเบื้องหลัง ฝ่ายค้านเมียนมา ถูกประหาร! โดย XXPiYaXX
เนื้อเรื่องระบุว่า กำลังเป็นกระแสที่ถูกพูดถึงกันเป็นอย่างมาก นั่นก็คือ การประหารชีวิต นักเคลื่อ นไหวเรียกร้องประชาธิปไตยในเมียนมา จำนวน 4 ราย ที่ถูกศาลตัดสินว่า ช่วยเหลือกองกำลังติดอาวุธในการต่อสู้กับกองทัพ เมื่อเดือน ก.พ.ปีที่แล้ว
เรื่องนี้ ทำให้หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ออกมาเคลื่อนไหวทันที โดยการจี้ให้ สหประชาชาติ หรือ UN เข้าไปตรวจสอบรวบรวมข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างอุกอาจ โดยเฉพาะเกี่ยวกับความผิดฐานฆ่าล้างเผ่าพันธุ์และอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ส่งผลให้มีการชุมนุมในประเทศไทย เพื่อเรียกร้องเรื่องดังกล่าวด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด (28 ก.ค.65) เพจสาธารณะชื่อ Dr.X ก็ได้โพสต์ภาพพร้อมภาษาพม่า โดยเป็นภาพของ เพียว เซยาร์ ตอ อดีต ส.ส.ฝ่ายค้านพม่า และผู้นำกลุ่มกิจกรรมทางการเมือง ถ่ายร่วมกับอาวุธสงครามจำนวนมาก พร้อมข้อความ ระบุว่า
“#3กีบ เลิกดิ้น !!! เบื้องหลังประหารนักกิจกรรมการเมืองเมียนมา หลักฐานมัดชัดเจน !?! ซุกอาวุธสงครามไว้บ้านเพียบ เตรียมตัวก่อวินาศกรรมโรงพยาบาลแม่และเด็ก คนแบบนี้ยังกล้าเอามาเชิดชูเป็นวีรบุรุษประชาธิปไตยอีกเหรอ !?!”
ทั้งนี้ หลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อภาพดังกล่าว บ้างก็ว่า คล้ายกับกลุ่มเสื้อแดง เมื่อครั้งอดีต เช่น
เพี้ยนกันไปหมดเรื่องประชาธิปไตย แบบนี้ก่อการร้ายชัดๆ รบ.ไหนเค้าก้อไม่เอาไว้หรอก อันตราย, กีบพม่า กีบไทย กีบฮ่องกง จุดจบเหมือนกันหมด, มาแนวเดียวกันกับพวกเสื้อแดง, ควายสามกีบ..เวรกรรมตามทัน
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน เว็บไซต์สถาบันทิศทางไทย โพสต์ประเด็น “โบว์ ณัฏฐา” แฉหมดเปลือก เบื้องหลังสื่อใหญ่ จงใจพาดหัวข่าวให้คนเข้าใจผิด “ใส่ชุดดำถูกจับ” โดย XXPiYaXX
รายละเอียดระบุว่า สืบเนื่องจากกรณีที่ทางด้านของ นายธนวัฒน์ วงค์ไชย นักกิจกรรมที่คอยขับเคลื่อนร่วมกับกลุ่มผู้ชุมนุมสามนิ้วมาโดยตลอด แม้ว่าจะไม่เคยเข้าร่วมการชุมนุมแบบจริงจัง แต่ก็มักจะปลุกปั่นกระแสโดยการโพสต์ข้อความ หรือแบนเนอร์ ต่างๆ ที่ทำให้หลายๆ คน เข้าใจผิด
ยกตัวอย่างเช่น วันที่ 27 ก.ค. 65 นายธนวัฒน์ โพสต์ภาพที่มีข้อความว่า “ผบ.ตร.สั่งจับตา คนใส่ชุดดำพรุ่งนี้ ย้ำให้ดำเนินคดีเฉียบขาด” และมีคนที่เข้าใจผิดหลงเชื่อข้อความดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จนแชร์ต่อกันไปจำนวนกว่า 3 หมื่นครั้ง
ทั้งยังทำให้ผู้สนับสนุนการชุมนุมอยู่แล้วออกมาโจมตี ผบ.ตร. ด้วยถ้อยคำหยาบคายเป็นจำนวนมาก พร้อมทั้งโยงโจมตีวันสำคัญของประเทศ เช่น
“หน้าที่ตำรวจ คือ จัดการประชาชน งั้นเหรอ?
สิทธิขั้นพื้นฐานของมนุษย์ คือ การได้กิน ได้พูด ได้เลือกใช้เสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม ได้ไปไหนในที่ที่ต้องการไป
แล้วคือนี่อะไรกัน ใส่เสื้อดำต้องถูกดำเนินคดี? มันริดรอนสิทธิกันไปมั้ย?
ว่าแต่… พรุ่งนี้วันอะไร???”
“ใส่หยังกะได่ตั้วเฒ่าเงินข่อยแมะ”, “ห้าม=ยังใส่ได้อยู่” ,
“ตอนแรกก็ไม่รู้ ขอบคุณที่ประชาสัมพันธ์ให้นะครับ จะได้เตรียมชุดรอ”
ทั้งที่ความจริงแล้ว ผบ.ตร.สั่งให้ติดตามกิจกรรมเท่านั้น และหากพบการกระทำผิดก็ให้ดำเนินการตามกฎหมาย แต่นายธนวัฒน์ เอาไปปั่นข่าวว่า เขาจะจับเพราะใส่เสื้อดำ แต่ที่เขาจะจับเพราะกระทำผิดอื่นๆ ตามกฎหมายต่างหาก
ล่าสุด “โบว์” ณัฏฐา มหัทธนา นักกิจกรรมอิสระ และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองของไทย ก็ได้ออกมาโจมตีคนปล่อยข่าวเรื่องนี้ โดยมีรายละเอียดว่า
“ใครจะแต่งดำเมื่อไหร่ยังไงก็สุดแต่รสนิยม ที่ไม่เข้าใจคือปล่อยข่าวปลอมทำไมว่าตำรวจจะจับเพราะใส่เสื้อสีดำ แล้วคนที่เชื่อคือหลงเชื่อจริงๆ เพราะไม่เช็กเนื้อข่าว หรือแกล้งทำเป็นเชื่อตามๆกันให้มันดูตื่นเต้นเล่น?”
ยิ่งน่าสนใจเข้าไปใหญ่ เมื่อมีคนถามว่า “เป็นเรื่องเข้าใจผิดกันหรือว่าจงใจปล่อยข่าวปลอมคะคุณโบว์” โดย โบว์ ณัฏฐา ได้เปิดเผยเบื้องหลังว่า สื่อใหญ่เจ้าหนึ่งจงใจพาดหัวให้คนเข้าใจผิด โดยมีรายละเอียดว่า
“มีทั้งสองอย่างค่ะ สื่อไทยรัฐจงใจพาดหัวให้คนเข้าใจผิด แล้วมีคนเอาความเข้าใจผิดนั้นไปต่อยอด ทำชิ้นใหม่ๆมาเผยแพร่ แล้วคนที่เคลื่อนไหวด้วยข่าวปลอมก็เขียนบทความชิ้นใหม่ออกมาแบบสองภาษาเลย”
แน่นอน, ทั้งหมดคือ ปัญหาใหญ่ของสังคมไทยในเวลานี้ ไม่ว่าจะเป็น ปัญหาการสร้างกระแสโจมตีกันทางการเมือง ที่บางครั้งเลยเถิด จนเกิดผลกระทบกับผู้บริสุทธิ์ ที่อาจไม่ตั้งใจที่จะยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เพียงแต่มีใจศรัทธาที่จะทำความดีเนื่องในโอกาสวันสำคัญ เพื่อเป็นกุศลให้กับวงศ์ตระกูลเท่านั้น อย่างกรณี นายจุน วนวิทย์ หรือ อากงจุน ผู้ก่อตั้งฮาตาริ และครอบครัว ต้องมามัวหมอง ทั้งที่ตั้งใจทำความดี อุทิศเพื่อสังคม
แล้วอย่างนี้ คนดีซึ่งหายากอยู่แล้ว จะมีใครกล้าทำอะไรที่ตั้งใจดี? และถือว่าทำให้สังคมต้องเสียประโยชน์ในสิ่งที่พ่อค้านักธุรกิจต้องการคืนกำไรให้กับสังคม
ยิ่งกว่านั้น อาจทำให้สังคมไทยในอนาคตเต็มไปด้วยพวกชอบแสดงออก แม้ไร้สาระ ขาดวุฒิภาวะ หิวแสง และไม่เคยคิดดีทำดีอุทิศเพื่อสังคม อย่างน่าเศร้า!
เรื่อง ปัญหาในพม่า เป็นอีกเรื่องที่ต้องยอมรับความจริงว่า เป็นปัญหาการเมืองภายในของพม่า ผู้นำโลก ประชาคมโลก รวมทั้งคนไทย นักประชาธิปไตยไทย ทำอะไรได้แค่ไหน ทั้งภายใต้กฎหมายโลก กฎหมายไทย และกฎหมายพม่า เป็นเรื่องที่จะต้องทบทวน หาไม่แล้ว ผลกระทบอาจไม่เกิดขึ้นแต่เฉพาะส่วนบุคคล หากแต่อาจ “ขยายปม” สู่ความขัดแย้งระดับประเทศได้
ที่ผู้รู้เตือนเอาไว้ ก็คือ ไทยกับพม่า จำเป็นต้องผูกมิตร ไม่ใช่แค่บ้านใกล้เรือนเคียง หากแต่ไทยยังพึ่งพา “ก๊าชธรรมชาติ” จากพม่า เพื่อผลิตไฟฟ้าอย่างมหาศาล กลุ่มคนไม่กี่คน อาจชักศึกเข้าบ้านได้ไม่ยาก และเอาคนนับ 70 ล้านคนไปเสี่ยงโดยไม่จำเป็นด้วย
แม้ทุกคนต่างเสียใจที่นักการเมืองฝ่ายค้าน และนักเคลื่อนไหวทางการเมืองถูกประหารชีวิต ก็ตาม
และกรณีที่มีการปั่นกระแส ผบ.ตร.สั่งจับกุมคนแต่งชุดดำ ในวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็เช่นกัน เป็นความ “จงใจ” ที่จะสร้างความเข้าใจผิด และหวังผลเพื่อให้เกิดความปั่นป่วนในบ้านเมือง คนประเภทนี้ต่างหากที่ควรจะต้องถูกจับกุม เพราะถือเป็นความผิดอย่างชัดเจน
ประเด็นก็คือ “คิดต่าง” ไม่ว่ากัน แต่ “คิดชั่ว” นี่สิ ต้องทำอย่างไรกับคนพวกนี้ดี!?