Panich Vikitsreth – พนิต วิกิตเศรษฐ์
ตลอดหลายสิบปีมานี้ #พรรคประชาธิปัตย์ ผ่านมรสุมและวิกฤติมาแล้วหลายครั้ง แต่สิ่งที่ทำให้เราผ่านมันมาได้ และยืนหยัดอยู่ได้ทุกวันนี้คือ “หลักการ”
.
เช่นเดียวกับครั้งนี้ที่ถือว่าเป็นวิกฤติที่หนักที่สุดอีกครั้งหนึ่ง และเชื่อว่า จะผ่านมันไปได้อีกครั้งถ้าเราหนักแน่นใน “หลักการ” ของเรา ตรงกันข้าม เราจะไม่มีวันฝ่ามรสุมลูกนี้ได้เลย ถ้าเราลืมว่า อะไรที่ค้ำยันเรามาตลอด
.
และตอนนี้เหมือนหลายคนกำลังไขว้เขวพอสมควรกับสิ่งที่เกิดขึ้นในพรรคประชาธิปัตย์ โดยการเอาเรื่อง “หลักการ” ไปปะปนกับ “ความขัดแย้ง และแย่งชิงตำแหน่ง” ภายในพรรค
.
สองเรื่องนี้เป็นคนละเรื่องกัน วันนี้เรากำลังพูดถึงเรื่อง “Accountability” หรือ ความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หรือความรับผิดชอบต่อการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งในอดีตมีผู้นำและบุคลากรของพรรคประชาธิปัตย์หลายคน ยึดปฏิบัติเพื่อ “รักษาพรรค” ไว้
.
มันไม่ใช่การไล่ล่าใคร หรือต้องการจะนำใครเข้ามาทดแทน เหมือนที่มีบางคน หรือคนนอกพรรค พยายามเชื่อมโยงให้เกิดความเข้าใจผิดว่า กำลังมีขบวนการนำ อดีตนายกฯอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งไม่เป็นความจริง
.
แต่มันเป็นการดำรงรักษาไว้ซึ่ง “หลักการ” สิ่งเดียวที่จะทำให้เรารอดพ้นจากวิกฤติการณ์ครั้งนี้ไปได้ต่างหาก
.
ที่สำคัญ พรรคประชาธิปัตย์เองยังมีบุคลากรที่มีเต็มไปด้วยวัยวุฒิและคุณวุฒิ มากด้วยประสบการณ์ และเป็นที่เคารพนับถืออีกหลายคน ที่เพียบพร้อมจะถือธงนำพรรคในช่วงวิกฤติครั้งนี้ ทั้งท่านประธานรัฐสภา ท่านชวน หลีกภัย อดีตนายกฯ ท่านบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตรองนายกฯ และอดีต รมว.มหาดไทย ไม่ใช่เฉพาะท่านอดีตนายกฯอภิสิทธิ์
.
เรื่องหลักการสำคัญขนาดไหนสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ลองย้อนดูในอดีตเราเคยอดีตผู้นำที่แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ และการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง แม้แต่ท่านอดีตนายกฯอภิสิทธิ์เอง ที่เคยตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อผลการเลือกตั้งในปี 54 และปี 62
.
ไม่ใช่เพราะถูกกดดัน หรือเพราะต้องการหนีปัญหา แต่เป็นเพราะหลักการของพรรคประชาธิปัตย์สำคัญมาเป็นอันดับแรกไงครับ
.
และการที่สังคมเรียกร้องให้ผู้บริหารพรรครับผิดชอบ อย่าไปมองว่าเป็นเรื่องตัวบุคคล แต่อยากให้มองว่า มันเป็นเรื่องของหลักการและความรับผิดชอบ
.
ในอดีตก็มีผู้บริหารของพรรคประชาธิปัตย์ที่ Accountable แล้วต่อมาได้รับเลือกจากสมาชิกให้ถือธงนำอีกครั้งหลายคน ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งผิดและมันถูกต้องด้วย เพราะผู้บริหารพรรคนั้นๆ ได้รักษาหลักการของพรรคเอาไว้แล้ว เพียงแต่สมาชิกยังคงไว้วางใจให้กลับมาทำหน้าที่อยู่
.
เช่นเดียวกันกับวันนี้ สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนคือ แสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์และการกระทำ ส่วนอนาคตของพรรคใครจะมาเป็นผู้นำฟื้นฟูความเชื่อมั่น ปล่อยให้เป็นเรื่องของสมาชิกพรรคได้ตัดสินใจเอง
.
ผมขอย้ำนะครับว่า พรรคประชาธิปัตย์มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถมากมาย เราไม่เคยยึดติดตัวบุคคลมากกว่าหลักการของพรรค