รายการบ้านเมืองของเรา 28 เมษายน พ.ศ. 2565
เวลา 18.00-19.00 น. ดำเนินรายการโดย จิตกร บุษบา
“พระพยอม” ยก “ชัชชาติ” ขาขึ้น หลังดึง “พรพรหม” อดีต New Dem ปชป. เสริมทัพ พร้อมขอแคนดิเดตผู้ว่าฯ กทม.หาเสียงสร้างสรรค์ อย่าเอานรกสาดกัน
วันที่ 28 เม.ย.65 พระพยอม กัลยาโณ เผยแพร่บทความและข้อคิดเห็น ถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า เหลือเวลาไม่ถึงเดือน เราก็จะได้เห็นผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ออกมาทำงานลุยเพื่อประชาชนชาวกทม.ตอนนี้เขาบอกโพลก็นำโด่งไปแล้ว แต่ยังมีที่ปรึกษาดีมาช่วยวางยุทธศาสตร์ให้โดนใจชาวกทม.มากขึ้น นั่นก็คือ คนที่เคยเป็นคนเก่า คนแก่ของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ว่า ถอนตัวมาช่วย มาอยู่กับทางนี้แล้ว
ซึ่งคนผู้นี้มีชื่อว่า นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร New Dem หรือ กลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคประชาธิปัตย์ ลูกชายของนายพนิต วิกิตเศรษฐ์ เรียกว่า ย้ายค่ายผันตัวมาเป็นผู้ช่วยของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้สมัครอิสระที่ติดโผนำโด่ง โดยนายพรพรหม ชูข้อดีผู้ว่าฯเที่ยงคืน ดูแลแสงสว่างทั่วกทม.เพิ่มรถเมล์กลางคืน เน้นปลอดภัย ค่าใช้จ่ายถูก คุมงานซ่อมบำรุง ก่อสร้าง รับมืออุบัติเหตุ อุบัติภัยเฉพาะหน้าทันที ทันท่วงที พ่วงด้วยการจัดระเบียบตลาด ฟื้นพื้นที่เศรษฐกิจคนกลางคืน ส่งเสริมพื้นที่กิจกรรมสร้างสรรค์ ถือเป็นอีกหนึ่งประเภทลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
“นี่ก็เรียกว่า คนเราเวลาจะขาขึ้นมันก็ขึ้น มีโน้น มีนี่มาเป็นนั่งร้าน คอยส่งเสริม คอยเติมข้อดีให้ แต่ว่า คนที่จะขาลงก็มีไอ้นั่นท่วม มีไอ้นี่ล่ม ไอ้นั่นมาเป็นข่าวตัดตอน ตัดคะแนน เขาเรียกกันว่า ช่วงขาลงมันเป็นอย่างนั้น”
พระพยอม กล่าวต่อว่า แต่ว่า ตอนหาเสียงมันเหมือนกับทำศึก แต่เราต้องรบกันไปพลาง คว้านิพพานกันไปพลาง ไม่ใช่รบกันไปพลาง ตกนรกกันไปพลาง หาเสียงแบบทำสงครามสู้กัน แต่ต้องไม่ทุกข์ ต้องมีจิตใจเยือกเย็น สงบ นำนโยบายมาเสนอ เดินหาเสียง แต่ใจนั้นไม่เป็นทุกข์ อย่างนี้เขาเรียกว่า สู้กันไปพลาง คว้านิพพานกันไปพลาง ถ้าคว้านิพพานไม่ได้ ก็ขอให้ได้สวรรค์ไปพลางๆ คือ มีความสุขใจ สบายใจ
เขาถึงบอกว่า สวรรค์ในอก นรกในใจ ดีใจไปสวรรค์ ร้อนใจไปนรก เย็นใจไปนิพพาน
เพราะฉะนั้น ขอให้หาเสียงกันไป แข่งกันไป สู้กันไปแบบสวรรค์มีด้วย อย่าเอาแต่นรกสาดใส่กันด้วยความเคียดแค้น โกรธเคือง ฉุนเฉียว เกรี้ยวโกรธ ก็อย่าทำเลย มันจะกลายเป็นการเมืองนรกอีก เป็นการแข่งขันแบบนรกอีก เรามาไข่วคว้าสวรรค์ไว้บ้างดีกว่า อย่าทำอะไรที่มันต้องทุกข์ไปทุกเรื่อง มันต้องทำแบบไม่รู้จักทุกข์ สู้กันไป แพ้ก็แพ้ ไม่ได้เป็นก็ไม่ได้เป็น
“ไม่ได้เป็นผู้ว่าฯกทม.ก็ไม่เป็นอะไร ไม่ได้ทุกข์อะไร ถ้าฉลาดอยู่เป็น ถ้าอยู่เป็นอยู่แบบช่วยๆ อย่าอยู่แบบฉกๆ ฉวยๆ อย่าไปฉวยโอกาสซ้ำเติมใครเขา เอาแต่นโยบายของเราทำอะไร อย่างนี้จะเป็นผู้ว่าฯเที่ยงคืน สนับสนุนคนหากินกลางคืน ให้เขาทำมาหากิน อยู่รอดปลอดภัย เศรษฐกิจดีขึ้นมา คนกรุงเทพฯบอบช้ำที่สุดในรอบ 10-20 ปีก็ว่าได้ มีการค้าขายมันเหมือนกับตายซากเลย นอกจากมีคนบางกลุ่มเท่านั้นที่มั่งมี ศรีสุข ขายดิบ ขายดี” พระพยอม