เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2565 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ข้อความว่า หลังจากที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้สัมภาษณ์ช่องยูทูป สภาที่ 3 เกี่ยวกับการเมืองในอนาคต ซึ่งคุณอภิสิทธิ์จะออกมาแสดงความเห็นทางการเมือง ในเชิงวิเคราะห์ อย่างตรงไปตรงมา เพราะไม่ได้มีส่วนได้เสียกับการเมืองในช่วงนี้แต่อย่างใด ได้วางมืองทางการเมืองไปแล้ว จะใช้เวลาส่วนใหญ่กับงานวิชาการ รับเชิญเป็นวิทยากรให้กับหน่วยงาน สถาบันต่างๆ ที่เชื้อเชิญมา รวมถึงการแสดงความเห็นทางการเมืองให้กับสื่อหลายสำนัก ในฐานะผู้มีประสบการณ์ทางการเมือง
ผมได้ติดตามการแสดงความเห็นของนายอภิสิทธิ์แล้ว เห็นว่าเป็นการพูดตามข้อเท็จจริงในอดีตที่ผ่านมา และได้แสดงความห่วงใยต่อการเมืองของประเทศ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยไม่อยากจะให้เหตุการณ์ของบ้านเมืองย้อนอดีต เกิดเป็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอย จึงได้ยกปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐบาลของคุณทักษิณ และคุณยิ่งลักษณ์ มาแสดงความห่วงใย จนทำให้มีหลายคนที่ใกล้ชิดกับคุณทักษิณ ออกมาแสดงความเห็นพาดพิงถึงคุณอภิสิทธิ์ เช่น
1.นายพานทองแท้ ชินวัตร ได้กล่าวถึงการแสดงความเห็นของนายอภิสิทธิ์ ว่าเพื่อต้องการจะพีอาร์ตัวเองนั้น เป็นข้ออ้างที่เลื่อนลอยมาก เพราะคนระดับนายอภิสิทธิ์ ไม่จำเป็นต้องพีอาร์ หรือประชาสัมพันธ์ตัวเองอีกแล้ว เพราะเป็นที่รู้จักระดับโลก และมีเครดิตทางการเมืองสูงมากคนหนึ่ง
2.ส่วนการที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง ได้กล่าวหาว่า นายอภิสิทธิ์ข่มขู่ประชาชนไม่ให้เลือกพรรคเพื่อไทยนั้น เป็นการจับประเด็นการให้สัมภาษณ์ของนายอภิสิทธิ์ไม่ถูกต้อง เพราะนายอภิสิทธิ์พร้อมยอมรับผลการเลือกตั้ง ถ้าหากประชาชนจะเลือกคุณแพทองธาร ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่แสดงความกังวลไม่อยากให้รัฐบาลใหม่ลุแก่อำนาจ และใช้อำนาจเพื่อพวกพ้อง ไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดการรัฐประหารได้ เป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริต หวังดีต่อบ้านเมือง
3.ส่วนกรณีที่ นายภูมิธรรม เวชชชัย บอกให้นายอภิสิทธิ์ไปกวาดบ้านตัวเองก่อน ก่อนที่จะมาแสดงความเห็นทางการเมืองถึงพรรคเพื่อไทยนั้น ผมเห็นว่าคุณอภิสิทธิ์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการบริหารพรรคประชาธิปัตย์เลย ตอนนี้เป็นเพียงผู้สนใจ ติดตามสถานการณ์บ้านเมืองด้วยความห่วงใยเท่านั้น และการแสดงความเห็นทางการเมืองทุกครั้ง ก็เป็นการแสดงความเห็นที่เป็นกลาง หวังดีต่อประเทศชาติอย่างแท้จริง และไม่มีหน้าที่เข้าไปจัดการปัญหาภายในของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของผู้บริหารพรรคชุดปัจจุบัน
จึงอยากจะเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเปิดใจกว้าง รับฟังความเห็นต่าง และเคารพในความเห็นซึ่งกันและกัน อย่าทำตัวคับแคบ ถ้ายังยึดมั่นถือมั่น และมีอคติต่อกัน ความขัดแย้งทางการเมืองก็จะไม่มีวันจบสิ้น อย่าให้เกิดภาพถ้าไม่ใช่พวกของตัวเอง แค่เห็นหน้าก็ออกมาด่าแล้ว โดยไม่ฟังเหตุผลใดๆ ซึ่งจะไม่เป็นผลดี ต่อบรรยากาศทางการเมืองของประเทศ
