Skip to content
  • หน้าแรก
  • รายการสถานี
    • อรุณสวัสดิ์ ฟ้าวันใหม่
    • เล่าข่าวเด่น เล่นข่าวดัง
    • ฟ้าวันใหม่นิวส์
    • สนามข่าวโซเชียลฯ
    • ข่าวฟ้ายามเย็น
    • บ้านเมืองของเรา
    • ฟ้าทะลายโจร
  • การเมือง
  • เศรษฐกิจ-สังคม
  • บทความ
    • บทความพิเศษ
    • ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม
    • วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • ซื้อสินค้า
  • ผังรายการ
  • ติดต่อโฆษณา
  • หน้าแรก
  • รายการสถานี
    • อรุณสวัสดิ์ ฟ้าวันใหม่
    • เล่าข่าวเด่น เล่นข่าวดัง
    • ฟ้าวันใหม่นิวส์
    • สนามข่าวโซเชียลฯ
    • ข่าวฟ้ายามเย็น
    • บ้านเมืองของเรา
    • ฟ้าทะลายโจร
  • การเมือง
  • เศรษฐกิจ-สังคม
  • บทความ
    • บทความพิเศษ
    • ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม
    • วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • ซื้อสินค้า
  • ผังรายการ
  • ติดต่อโฆษณา

การเมือง

“พนิต”ดึงสติคนกรุงช่วงโค้งสุดท้าย ใช้หัวใจกาพาหลุดขัดแย้ง นับหนึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

20 พฤษภาคม 2565

เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2565 นายพนิต วิกิตเศรษฐ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว “Panich Vikitsreth – พนิต วิกิตเศรษฐ์” ระบุว่า 9ปีมานี้ กรุงเทพฯ ได้อะไร?

ในฐานะคนกรุงเทพฯ และ เคยมีประสบการณ์ทำงานในตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม.รวมถึงทำหน้าที่ ส.ส. กทม. ผมอยากบอกว่า วันที่ 22 พ.ค.นี้ มีความสำคัญอย่างมาก เป็นวันที่ชี้ชะตาว่า อนาคตของ กทม.จะเดินไปทางไหน

ผมอยากให้เรามองย้อนกลับไปว่าตลอด 9 ปีที่ผ่านมา สภาพ กทม.เป็นอย่างไร โดยสิ่งที่ได้รับฟังส่วนมาก คือ เสียงร่ำร้องของคนกรุงต่อปัญหาต่างๆ ยังดังระงม โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ต้องพึ่งพาตัวเองให้มีชีวิตรอด เพราะพวกเขา มองว่าการบริหารจัดการที่ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงใช่หรือไม่

นอกจากคนกรุงต้องรักษาชีวิตจากโรคระบาดแล้ว ยังต้องปากกัดตีนถีบเพื่อหารายได้ประทังชีวิตอยู่รอดได้ในภาวะที่เศรษฐกิจย่ำแย่สุดกรู่ โดยไม่สามารถพึ่งหวังการช่วยเหลืออะไรจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เลย

ไม่เพียงเท่านั้นยังถูกซ้ำเติมจากความไม่ชอบธรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขูดรีด เก็บส่วย ตลอดจนการรับเงินใต้โต๊ะ

แม้แต่เรื่องน้ำท่วม น้ำรอการระบาย ปัญหานี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่มันเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า 9 ปีผ่านมาทุกอย่างเหมือนนิ่งอยู่กับที่ ไม่ได้รับการแก้ไขแต่อย่างใด

ขณะที่ กทม. ในห้วง 9 ปีมานี้ไม่ต่างอะไรกับดินแดนสนธยา ที่ผู้คนต่างพาค่อนแคะว่า กระบวนการตรวจสอบผุพัง ผู้บริหาร และ ส.ก.ที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไร้การถ่วงดุล ไร้การตรวจสอบ แต่ละเรื่องถูกตั้งข้อสังเกตว่า มุ่งแต่สนองงานให้กับผู้มีอำนาจมากกว่าที่จะตอบโจทย์ให้กับประชาชน

เสียงสะท้อนบอกว่าเป็น 9 ปีที่ กทม.เหมือนหยุดอยู่กับที่ หรือบางคนมองว่า มันก้าวถอยหลังไปเสียด้วยซ้ำ

และน่าหวั่นใจยิ่งกว่า ที่ช่วงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งครั้งนี้ มีความพยายามจะใช้วิธีการหาเสียงด้วยวิธีการแบบเดิมๆ ด้วยการทำให้สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เป็นการเลือกตั้งเชิงยุทธศาสตร์ หรือ Strategic vote โดยพยายามจับประชาชนแยกเป็นสองฝั่ง ชักจูงให้เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ได้มากที่สุด

มีการสร้างความหวาดกลัว โดยการปลุกผีคนนั้นคนนี้ขึ้นมาเพื่อให้ประชาชนเข้าใจว่า หากเลือกผู้ว่าฯกทม. จะได้นักการเมืองอีกคน รวมถึงการสาดโคลน สร้างความเข้าใจผิดให้ประชาชนเพื่อดิสเครดิตคู่แข่ง

ผมเห็นว่า วิธีการนี้นอกจากไม่สร้างสรรค์แล้ว ยังเป็นพฤติกรรมที่โหดเหี้ยม เพราะมันเท่ากับการปิดโอกาสคนกรุงให้ได้ผู้ว่าฯกทม.ที่มีความรู้ความสามารถ และตั้งใจแน่วแน่ในการเข้ามาแก้ปัญหา

ยุทธศาสตร์หาเสียงแบบ ‘ไม่เลือกเราเขามาแน่’ เราเห็นผลลัพธ์กันมาแล้วว่า 9 ปี ว่าเป็นอย่างไร ฉุดรั้งหรือพัฒนาเมืองหลวงของประเทศแค่ไหน เรามีบทเรียนกันมาแล้ว และคิดว่าจะยอมให้มีการจับชาวกรุงเทพฯเป็นตัวประกันในภาค 2 อีกหรือไม่

ผมอยากวิงวอนคน กทม. การเลือกตั้งครั้งนี้สำคัญกับ กทม.เป็นอย่างมาก ไม่ว่าก่อนหน้านี้ใครจะประกาศเชียร์ใคร 22 พ.ค.นี้ โปรดเดินเข้าคูหาเลือกคนที่ ‘สติ’ เราวิเคราะห์แล้วว่า เหมาะสม เลือกคนที่ ‘หัวใจ’ เราเชื่อว่า ไว้วางใจได้ใน 4 ปีข้างหน้าแก่คนทุกกลุ่มพร้อมใจกว้างเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ และหลากหลาย เข้ามามีส่วนร่วมวางรากฐานรองรับอนาคตของชาติ

รวมทั้งพ่อเมืองคนใหม่ จะต้องทำงานได้กับทุกฝ่าย ด้วยความอิสระ เพื่อพาคนกทม. ออกจากความขัดแย้ง มุ่งสู่การพัฒนา กทม.ด้วยการทำงานและนโยบายที่สร้างสรรค์

ดังนั้นต้อง ‘เลือกคนที่เราไว้วางใจ อย่าให้ใครชี้นำ’ เพราะคนที่ชี้นำทุกคนต่างมีแผน เลศนัย รวมถึงอาเจนด้า ขออย่าตกเป็นเหยื่อในอาเจนด้าของใคร แต่ให้เลือกคนที่ดีที่สุด

และได้โปรดอย่าใช้ ‘อารมณ์’ ตัดสินด้วยคำผีบอก เพราะผมคิดว่าเป็นการกระทำลักษณะนี้เป็นการดูถูกความคิดคน กทม.อย่างมาก ตลกร้ายกว่าคือ ผู้พูดบางคนยังเป็นคนต่างจังหวัด ที่พยายามมาแทรกแซง กทม.

ในวันที่ 22 พ.ค.65 ไม่เพียงแต่เป็นวันชี้ชะตาคน กทม. ยังเป็นวันกำหนดว่าจะให้พวกเราจมอยู่ที่เดิม และปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ ตามยุทธศาสตร์ที่มีการวางเอาไว้อีกหลายๆปี ฉะนั้นสิทธิและเสียงของเราจะเป็นคำตอบหลังเข้าคูหาเลือกตั้งว่าจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง รวมทั้งพาพวกเราออกจากความขัดแย้งได้หรือไม่

#22พ.ค. กำหนดอนาคตกทม.

# ออกจากความขัดแย้ง

# อย่าตกเป็นเหยื่อยุทธศาสตร์โหดเหี้ยม

แชร์กับเพื่อน

  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

24 มิถุนายน 2565

‘กทม.’แจ้ง7สถานที่ ใช้ชุมนุมสาธารณะเปิดช่องให้ปชช.แสดงออก

อ่านต่อ
23 มิถุนายน 2565

‘กรณ์’ขยี้ต่อ!! ย้ำน้ำมันแพง-ของแพง เป็นอำนาจก.พาณิชย์

อ่านต่อ
23 มิถุนายน 2565

‘นิพนธ์’ฉะ‘อันวาร์’ ไล่ไปที่ชอบๆ

อ่านต่อ
22 มิถุนายน 2565

‘อันวาร์’โวยลั่นโดนผู้มีอิทธิพลในพรรค ตัดชื่อเป็นผู้สมัครส.ส.ปัตตานี

อ่านต่อ
22 มิถุนายน 2565

“จุรินทร์”สวน “กรณ์” กล้าในสิ่งที่ควร รู้ไม่จริงอย่าพูด หาเสียงต้องมีความรับผิดชอบ ย้ำค่ากลั่น น้ำมัน มีกฎหมายเฉพาะ มีคณะกรรมการดูแล “พาณิชย์”ดูแลเรื่องปิดป้าย คุมหัวจ่าย จัดการเรื่องโก่งราคา

อ่านต่อ
16 มิถุนายน 2565

ตร.รวบ”นารา เครปกะเทย-หนูรัตน์-มัมดิว” โฆษณาล้อเลียนสถาบันในลาซาด้า

อ่านต่อ
Facebook Youtube Line
บริษัทบลูสกายแชนแนล
  • 2170 อาคารกรุงเทพทาวเวอร์ ชั้น 8
    แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง
    กรุงเทพมหานคร 10310
  • 02-308-0020
line-logo-100
Copyright © 2021