Skip to content
  • หน้าแรก
  • รายการสถานี
    • อรุณสวัสดิ์ ฟ้าวันใหม่
    • เล่าข่าวเด่น เล่นข่าวดัง
    • ฟ้าวันใหม่นิวส์
    • สนามข่าวโซเชียลฯ
    • ข่าวฟ้ายามเย็น
    • บ้านเมืองของเรา
    • ฟ้าทะลายโจร
  • การเมือง
  • เศรษฐกิจ-สังคม
  • บทความ
    • บทความพิเศษ
    • ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม
    • วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • ซื้อสินค้า
  • ผังรายการ
  • ติดต่อโฆษณา
  • หน้าแรก
  • รายการสถานี
    • อรุณสวัสดิ์ ฟ้าวันใหม่
    • เล่าข่าวเด่น เล่นข่าวดัง
    • ฟ้าวันใหม่นิวส์
    • สนามข่าวโซเชียลฯ
    • ข่าวฟ้ายามเย็น
    • บ้านเมืองของเรา
    • ฟ้าทะลายโจร
  • การเมือง
  • เศรษฐกิจ-สังคม
  • บทความ
    • บทความพิเศษ
    • ประวัติศาสตร์ ศิลปะวัฒนธรรม
    • วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • ไลฟ์สไตล์
  • ซื้อสินค้า
  • ผังรายการ
  • ติดต่อโฆษณา

สนามข่าวโซเชียลฯ

เปิดไทม์ไลน์ “ศูนย์บำบัดผู้ติดยาฯ”…ปัญหาวุ่น!!

21 กันยายน 2564

สนามข่าวโซเซียล 21-09-64

1. เร่งย้ายพระ-ผู้บำบัดยา วัดดัง ไปเขาชนไก่ หลังถูกร้องเรียน โดนทรมาน เรียกค่าไถ่

20 ก.ย. 2564-23:11 น.

ผู้ว่าฯ ย้ายพระ-ผู้บำบัดยา วัดดังเมืองกาญจน์ ไปเขาชนไก่ชั่วคราว หลังถูกร้องเรียน โดนทรมาน เรียกค่าไถ่ ด้านเจ้าอาวาสเครียดมรณภาพ

จากกรณี นายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายความและนายจีรพันธ์ แสงขาว หรือ หมอปลา ร้องเรียนให้ตรวจสอบศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด ที่วัดท่าพุราษฏร์บำรุง อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี หลังได้รับการร้องเรียนจากผู้ปกครองของชายวัยรุ่นที่เข้ารับการบำบัดว่ามีการถูกซ้อมทรมาน ให้ทำสัญญาและเรียกค่าไถ่ หากจะออกมาก็ต้องจ่ายเงิน โดยมีคนอยู่ประมาณ 300 คน แต่มีห้องน้ำเพียง 2 ห้องลักษณะเหมือนอยู่ในค่ายกักกัน ไม่เป็นไปตามการฟื้นฟู หากใครคิดหลบหนีก็จะถูกใส่กุญแจมือ

ล่าสุด วันที่ 20 ก.ย. 64 ผู้อำนวยการศูนย์บำบัด เผยว่า วันนี้พระครูปลัดประสิทธิ์ ลตินธโร เจ้าอาวาสวัดท่าพุราษฏร์บำรุง ได้มรณภาพลงก่อนที่ทางทีมงานของทนายไพศาล จะเดินทางมาถึงที่วัดเพียง 15 นาที โดยเจ้าอาวาสสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงอยู่แล้ว ประกอบกับเครียดต่อเรื่องราวดังกล่าว จนอาการทรุดลง จนทางลูกศิษย์นำตัวส่งโรงพยาบาล ก่อนจะมรณภาพลง

ต่อมา หมอปลาพร้อมด้วยทนายไพศาล เดินทางไปที่วัดดังกล่าว เพื่อพูดคุยกับพระและเจ้าหน้าที่ของศูนย์บำบัด พร้อมขอให้เปิดเรือนนอน เพื่อจะได้พูดคุยสอบถามข้อเท็จจริงจากกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด แต่ทางศูนย์บำบัดไม่ยอมเปิด โดยอ้างเหตุผลด้าน ความปลอดภัย ทำให้ หมอปลา โทรหา นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้ช่วยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ของ ศูนย์บำบัดเปิดประตูเรือนนอน

จากนั้น นายจีระเกียรติ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เดินทางลงพื้นที่วัดด้วยตนเอง เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเป็นไปตามข้อร้องเรียนหรือไม่ พร้อมพูด คุยกับกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดที่ถูกขังอยู่ภายใน โดยผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรีรับปากว่าจะพยายามพูดคุยหาทางออก เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นให้ได้โดยเร็วที่สุด จากนั้น ได้ร่วมพูดคุยกับทางพระและเจ้าหน้าที่ของศูนย์บำบัด รวมถึงหมอปลาและทนายไพศาล

หมอปลา ยืนยันว่า ตนได้รับการร้องเรียน รวมถึงมีหลักฐานยืนยันว่าสถานบำบัดแห่งนี้ มีการทำร้ายร่างกายผู้เข้ารับการบำบัด มีการกักขังผู้เข้ารับการบำบัดไว้ในโรงนอนที่มีความแออัด และมีห้องน้ำเพียง 2 ห้อง ขณะที่มีผู้เข้ารับการบำบัดอาศัยอยู่ภายในเรือนนอนถึง216 คน พร้อมขอให้ผู้ว่าฯ พูดคุยสอบถามข้อมูลกับกลุ่มผู้บำบัดโดยตรง เนื่องจากเชื่อว่าเจ้าหน้าที่ของศูนย์จะปิดบังข้อมูลไม่ให้ข้อเท็จจริง

ต่อมา กลุ่มเจ้าหน้าที่ของศูนย์บำบัด เกิดความไม่พอใจจนมีปากเสียงโต้เถียงกันไปมาหลายครั้ง หลังการพูดคุยราว 20 นาที ผู้ว่าฯจึงได้สรุปว่า จะได้ประสานเจ้าหน้าที่ทหารจากมณฑลทหารบกที่ 17 นำรถทหาร มารับกลุ่มผู้บำบัด ที่อยู่ในเรือนนอนจำนวน 216 คน รวมถึง กลุ่มผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์อยู่ภายในกุฏิอีกหลายสิบคน ไปอยู่ที่ค่ายทหารเป็นการชั่วคราว

เนื่องจากเห็นว่าสถานที่เรือนนอนภายในศูนย์บำบัดมีความคับแคบ แออัด และไม่มีความพร้อมในการดูแลผู้เข้ารับการบำบัดจำนวนมาก จึงให้มีการเคลื่อนย้ายผู้เข้ารับการบำบัดทั้งหมดกว่า 300 คน ไปอยู่ที่ค่ายฝึก เขาชนไก่เป็นการชั่วคราวโดยทันที หลังขนย้ายกลุ่มผู้บำบัดเสร็จเรียบร้อย ได้มีการจัดทำประวัติของกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด พร้อมติดต่อครอบครัว ให้เข้ามาพบกับเจ้าหน้าที่และตัดสินใจว่าจะรับกลุ่มผู้บำบัดกลับบ้าน หรือจะส่งไปเข้ารับการบำบัดที่อื่นต่อ

ในส่วนของศูนย์บำบัดแห่งนี้ จำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงให้มีความเหมาะสมและพร้อมรองรับผู้เข้ารับการบำบัดจำนวนมาก แต่หากไม่สามารถปรับปรุงได้ก็อาจจะต้องปิดรับ ผู้เข้ารับการบำบัดไปโดยปริยาย ซึ่งในเรื่องนี้ก็จะต้องขึ้นอยู่กับการหารือกับทางศูนย์บำบัดอีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่กลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด ซึ่งถูกขังอยู่ภายในเรือนนอน ทราบข่าวว่าจะได้ออกจากศูนย์บำบัดแห่งนี้ ต่างตะโกนร้องด้วยความดีใจและกล่าวขอบคุณผู้ว่าฯ รวมถึงหมอปลาและทนายไพศาล และเจ้าหน้าที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ที่ช่วยให้กลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดได้หลุดพ้นออกไปจากสถานที่แห่งนี้

ต่อมา เวลา 19.30 น. รถทหารจากมณฑลทหารบกที่ 17 ได้เริ่มเดินทางมารับ กลุ่มผู้บำบัดไปอยู่ที่ค่ายฝึกเขาชนไก่ทันที โดยจะขนย้ายผู้เข้ารับการบำบัดทั้งหมดกว่า 300 คน ให้เสร็จสิ้นภายในคืนนี้ เนื่องจากผู้บำบัดส่วนใหญ่เกรงว่า หากยังต้องนอนค้างคืนที่ศูนย์บำบัดในคืนนี้อาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้

ทั้งนี้ จากการสอบถามข้อมูลกับกลุ่มผู้เข้ารับการบำบัด ทราบว่า ในการมาเข้ารับการบำบัดนอกจากจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 12,000 บาท ทันทีที่เข้ามารับการบำบัดแล้ว ทุกคนจะต้องถูกส่งมาอยู่ในเรือนนอนซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียว ที่มีความแออัด และมี ห้องน้ำเพียง 2 ห้อง ไม่เพียงพอกับจำนวนผู้เข้ารับการบำบัดที่มากถึง 216 คน

หากผู้เข้ารับการบำบัดรายใดไม่อยากอยู่ในเรือนนอน ก็จะต้อง ยินยอมบวชเป็นพระสงฆ์ เพื่อจะได้ไปอาศัยอยู่ในกุฏิของพระสงฆ์ แต่ในการจะบวชพระนั้นจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเองอีก 20,000 บาท แลกกับการจะได้บวชเป็นพระและไม่ต้องอยู่ในเรือนนอน

8.เตรียมปิด ‘ศูนย์บำบัดผู้ติดยาเสพติดวัดท่าพุฯกาญจน์’ หลังเกิดปัญหาวุ่น

วันอังคาร ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2564, 12.37 น.

​กรณีเหตุการณ์ศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง

​ล่าสุดเช้าวันนี้ (21 ก.ย.64) นายรณภพ เวียงสิมมา ปลัดจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนางสาวเพ็ญศรี กลั่นบุศย์ นายอำเภอด่านมะขามเตี้ย เจ้าหน้าที่สาธารณสุข และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้นำท้องถิ่นได้ลงพื้นที่ไปติดตามการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยพบว่ากลุ่มผู้เข้ารับการบำบัดที่อยู่ในเรือนนอนและกลุ่มผู้บำบัดที่บวชเป็นพระสงฆ์รวม 254 คนในจำนวนนั้นเป็นพระสงฆ์ 33 รูป ทางเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการขนย้ายทั้งหมดไปพักรอที่ศูนย์ฝึกนักศึกษาวิชาทหารเขาชนไก่ ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรี เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา

​โดยในวันนี้มีประเด็นสำคัญที่ทางคณะเจ้าหน้าที่จะต้องร่วมกันพิจารณาในเรื่องของการดำเนินการปิดศูนย์สงเคราะห์บำบัดฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติดแห่งนี้ โดยนายศิลา นาคหล่อ ผู้ใหญ่บ้าน 10 ต.ด่านมะขามเตี้ย เผยว่า ชาวบ้านเลื่อมใสศรัทธาต่อเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้ที่เพิ่งมรณภาพลงเมื่อช่วงบ่ายของวานนี้ แต่ในส่วนของศูนย์บำบัดฯชาวบ้านไม่เห็นด้วย โดยระยะหลังมานี้ทางวัดรับผู้ติดยาเสพติดมาบำบัดจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งชาวบ้านเกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมา โดยเฉพาะเรื่องของโควิด-19 กรณีเรื่องของการทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิตนั้นตนไม่ทราบ ทราบแต่เพียงว่าผู้ที่เสียชีวิตเกิดจากสาเหตุของอาการป่วยด้วยโรคหัวใจล้มเหลวและเมื่อเจ้าอาวาสมรณภาพไปแล้วประกอบกับประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้นตนจึงสนับสนุนให้ยุบศูนย์แห่งนี้ แต่หากภาครัฐไม่ดำเนินการปิดศูนย์ ตนก็จะทำประชาคมหมู่บ้าน ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่กว่า 800 ครัวเรือน เพื่อเสนอปิดศูนย์ฯ ต่อไป

​สำหรับบรรยากาศภายในวัดยังคงเหลือกลุ่มผู้บำบัด รวมทั้งผู้ที่บวชเป็นพระสงฆ์ประมาณ 30 คนที่ยังคงสมัครใจอยู่วัดต่อ โดยพบว่าผู้บำบัดได้ช่วยกันจัดเตรียมสถานที่สำหรับบำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรมศพ พระครูปลัดประสิทธิ์ รตินฺธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดท่าพุราษฎร์บำรุง ท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

​ทั้งนี้ ภายหลังจากที่มีการเสนอข่าวของศูนย์บำบัดฯนายสมคิด วรรณโสภณ อายุ 52 ปี ชาวจังหวัดสระบุรี พร้อมภรรยาได้เดินทางมารับบุตรชาย ซึ่งอยู่ในกลุ่มผู้บำบัดที่บวชเณร กลับบ้าน พร้อมเผยว่า ตนได้ส่งบุตรชายของตนซึ่งมีอายุ 25 ปีมาบำบัดที่ศูนย์แห่งนี้ตั้งแต่วันที่ 20 ต.ค.63 และหลังจากเข้ารับการบำบัดได้ประมาณ 8 เดือนก็ขอบวชเป็นพระสงฆ์ หากจะปิดศูนย์ฯแห่งนี้ก็ต้องทบทวน รวมทั้งต้องถามความเห็นพระและคนในพื้นที่ด้วย ซึ่งตนทำงานด้านพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ การละลายพฤติกรรม และยังเป็นอดีตประธานชมรม To Be Number One สระบุรี 

​จึงขอตั้งคำถามกลับว่า “คุณมีที่รองรับผู้ติดยาเสพติดที่ต้องการเข้ารับการบำบัดที่ดีกว่านี้ไหม?” “หรือจะส่งผู้ติดยาเข้าเรือนจำ ส่งเข้าบำบัด ซึ่งตนมองว่าไม่ใช่ทางแก้ปัญหาที่ถูกจุด” เพราะบางคนเพียงแค่หลงผิดชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งเขาคือผู้ป่วย จึงควรที่จะให้โอกาสเขา แต่หากปิดศูนย์ฯนี้ลง ตนตั้งคำถามว่า “สร้างวัด สร้างโบสถ์ สร้างเรือนจำ เรือนจำทำให้คนเป็นคนดีหรือ?” ผู้ที่เกี่ยวข้องจึงควรต้องมองให้ครบทุกมิติ ทั้งต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งนี้ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ยังมีวัดแห่งนี้ดูแลผู้ป่วยอยู่คงไม่มีใครอยากส่งบุตรหลานเข้าโรงเรียนวิวัฒน์พลเมือง หรือเข้าเรือนจำ ซึ่งการบำบัดที่ศูนย์ฯ ภายในวัดมีโอกาสที่จะศึกษาธรรมะ พัฒนาขัดเกลาจิตใจและเจริญก้าวหน้าในเส้นทางนี้ได้

​ขณะที่บุตรชายของนายสมคิด ที่เข้ารับการบำบัดและบวชเป็นพระสงฆ์ เผยว่า ชีวิตความเป็นอยู่ภายในศูนย์บำบัดก็ได้รับการดูแลตามปกติ โดยมีการสวดมนต์ ทำวัด ไม่มีการทรมานตามที่เป็นข่าวแต่อย่างใด จะมีเพียงการลงโทษเช่นเดียวกับนักเรียนที่ทำผิดและโดนทำโทษเท่านั้น 

​ต่อมานางนันทิรา ขวัญเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมเจ้าหน้าที่ได้เดินทางลงพื้นที่วัดท่าพุราษฎร์บำรุง พร้อมเผยว่าการลงพื้นที่ในครั้งนี้เนื่องจากเป็นห่วงทางวัด จึงได้ลงมาดูในเบื้องต้น แต่หากจะมีการดำเนินการปิดศูนย์ฯก็เชื่อว่าไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรกับวัด ขณะเดียวกันก็ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเจ้าอาวาสเพิ่งจะมรณภาพ ดังนั้นคงต้องขอเวลาตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง จึงยังไม่สามารถให้ข้อมูลในเรื่องใดๆ ได้ในขณะนี้

แชร์กับเพื่อน

  • Facebook iconFacebook
  • Twitter iconTwitter
  • LINE iconLine

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

7 ธันวาคม 2564

ดรามา!! นางงามเวียดนามมงลง เพราะชู 3 นิ้ว เอาที่ “ณวัฒน์” สบายใจ

อ่านต่อ
7 ธันวาคม 2564

“หมอยง” ชี้มีโอกาสลุ้น “โอมิครอน” จะกลายเป็นเพียงโรคทางเดินหายใจ

อ่านต่อ
7 ธันวาคม 2564

สุดประทับใจ! ‘เรวดี ศรีท้าว’ เล่าวินาทีเฝ้าฯ รับเสด็จ ‘ในหลวง’ 5 ธันวาคม

อ่านต่อ
2 ธันวาคม 2564

มรสุม “พระมหาไพรวัลย์” ลามถึงหนัง “พชร์”

อ่านต่อ
2 ธันวาคม 2564

ใครผิดใครถูก?…ปมดราม่าเบนซ์ชนน้องหญิง

อ่านต่อ
2 ธันวาคม 2564

โซเชียลสงสัย?…กล่องสุ่ม “พิมรี่พาย”

อ่านต่อ
Facebook Youtube Line
บริษัทบลูสกายแชนแนล
  • 2170 อาคารกรุงเทพทาวเวอร์ ชั้น 8
    แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง
    กรุงเทพมหานคร 10310
  • 02-308-0020
line-logo-100
Copyright © 2021